ทีมข่าวคิดลึก
"บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมายืนยันแล้วว่า ถึงอย่างไรก็ต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเมื่อมีการปรับ ครม.แล้วจะต้องเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตามมา !
ทั้งนี้น่าสนใจว่า สาระที่อยู่ในระหว่างบรรทัดของการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่อเรื่องการปรับครม. นั้น พล.อ.ประยุทธ์ เองได้แจกแจงว่า การบริหารราชการแผ่นดินในวันนี้ โดยรัฐบาลคสช.ย่อมมีความแตกต่างไปจากรัฐบาลที่มาจาก"นักการเมือง" ที่ผ่านมา ในอดีต เพราะวันนี้ คสช.มีอำนาจเต็มเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการกำกับดูแลงานทั้งหมด
นั่นหมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช.และผู้นำรัฐบาลมีอำนาจสั่งการไปยังทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน โดยไม่ต้องพะวักพะวงว่าจะเป็นการก้าวก่าย หรือไปกระทบกับ "พรรคร่วมรัฐบาล" ให้เกิดการกินแหนงแคลงใจกันตามมา เหมือนกับรัฐบาลที่ผ่านมาในอดีต
แต่กระนั้น ความจำเป็นในการปรับ ครม.จาก "ประยุทธ์ 3"ไปสู่ "ประยุทธ์ 4" ยังคงมีอยู่ทั้งในแง่การหา "รัฐมนตรีใหม่" เข้ามาแทน "บิ๊กหนุ่ย" พล.อ.ดาว์พงษ์รัตนสุวรรณ และ "บิ๊กต๊อก"พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา 2 อดีตรัฐมนตรีที่ต้องไปทำหน้าที่"องคมนตรี" ภายหลังได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี
รวมทั้งยังต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ยังมีเก้าอี้ที่ว่างอยู่ คือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นโควตาของ"สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรีนอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ว่าการปรับเปลี่ยนเก้าอี้ใน ครม.รอบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้โอกาสเปลี่ยนตัวผู้เล่นในบางกระทรวง ที่"ไม่มีผลงาน" ไม่สามารถตอบสนองหรือขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลได้เป็นที่น่าพอใจ ไปด้วยในคราวเดียวกัน !
เนื่องจากปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลตระหนักดีว่าต้องเร่งดำเนินการหาทางแก้ไขโดยด่วน ในปีหน้าคือโจทย์ข้อยากอย่างปัญหาปากท้องของประชาชน เพราะแม้ล่าสุดรัฐบาล และทีมเศรษฐกิจจะมี
มาตรการเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมาเป็นการปิดท้ายไตรมาสสุดท้ายของปีก็ตาม แต่ก็อาจยังไม่ใช่ทางออกที่จะรัฐบาลจะสามารถวางใจได้ว่าจะเกิดผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
นอกจากนี้ภารกิจของรัฐบาลนอกเหนือไปจากการขับเคลื่อนนโยบายด้านการบริหารงานด้านเศรษฐกิจแล้ว การน้อมนำแนวทางพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมอบให้ไว้กับพสกนิกรชาวไทย ของพระองค์ ในด้านต่างๆ ตลอดจนโครงการพระราชดำริกว่า 4 พันโครงการ ย่อมเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนต่อไป ซึ่งต้องอาศัยการทำงานที่ต่อเนื่องของกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
และที่สำคัญไปกว่านั้นยังต้องไม่ลืมว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะบอกว่ารัฐบาล คสช. สามารถสั่งการได้อย่างเต็มอำนาจ กำกับดูแลทุกคนได้ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงานเหนือกว่ารัฐบาลที่มาจากนักการเมืองก็ตาม แต่ทั้งนี้คสช. เองก็รู้ดีว่าหากเมื่อใดก็ตามที่"ผลงาน" ยังไม่ปรากฏ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อระยะเวลาของโรดแมป ของ คสช.เองกระชั้นเข้ามาทุกขณะ วันเวลาที่ยืดระยะยาวนานออกไป อาจกลายเป็นลบมากกว่าบวก ไปอย่างน่าเสียดาย !