พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นทรงราชย์โดยสมบูรณ์ ตามราชประเพณีและรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งทรงดำรงตำแหน่ง จอมทัพไทย อันเป็นตำแหน่งสูงสุดของกองทัพ

พระองค์ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะในการเตรียมพระองค์ด้านการทหารตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ทรงสำเร็จการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะวิชาการทหารณ ประเทศออสเตรเลีย และทรงได้รับปริญญาอักษรศาสตร์บัณฑิตสาขาการศึกษาทางการทหาร จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์

นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรทางการทหารและการบินหลายหลักสูตร ทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมถึงโรงเรียนเสนาธิการทหารบก และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร แห่งสหราชอาณาจักร อีกทั้งยังทรงศึกษาด้านกฎหมายควบคู่ไปด้วย

พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านการบินอย่างยิ่งทั้งเครื่องบินปีกตรึงและเครื่องบินขับไล่ ทรงผ่านการฝึกหลักสูตรการบินพิเศษหลายประเภท จนมีชั่วโมงบินสูงมากและเคยทรงชนะเลิศการแข่งขันใช้อาวุธทางอากาศ

พระองค์ทรงเข้ารับราชการทหารตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 พร้อมเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ต่อเนื่อง หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญคือ ปฏิบัติการบ้านหมากแข้ง เมื่อปี พ.ศ. 2519 ซึ่งพระองค์ทรงแสดงพระอาจหาญ ในการนำกำลังทหารปฏิบัติการปราบผู้ก่อการร้าย แม้จะทรงเผชิญภยันตรายอย่างใหญ่หลวง

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นแก่กองทัพไทยและปวงชนต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เพื่อเสริมสร้างขวัญและกำลังใจแก่กำลังพลตามแนวชายแดน โดยพระราชทานสิ่งของแก่เจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ที่ประเทศไทยผชิญความตึงเครียดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ได้อัญเชิญสิ่งของพระราชทานไปมอบแก่เจ้าหน้าที่ ณ ฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม กองกำลังสุรนารีกองทัพภาคที่ 2 พร้อมน้อมนำพระราชกระแสความห่วงใยไปถึงประชาชนและเจ้าหน้าที่ทุกนาย

ต่อมาในวันที่ 23 มิถุนายน 2568 พันโทอนิวรรต ศิริข่วง ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 ในฐานะผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจได้เข้าร่วมพิธีรับมอบสิ่งของพระราชทานเพื่อส่งต่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ทหาร ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา

เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ