จากนี้ไปจนกว่าจะถึงวันที่ ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยออกมาว่า แพทองธาร ชินวัตร ต้องพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี อันจะส่งผลให้หลุดจากสถานะ นายกฯคนที่ 31 หรือไม่นั้น บรรยากาศและความเคลื่อนไหวทางการเมือง ย่อมไม่มีทาง หยุดนิ่ง อยู่ใน ความสงบ ได้เลย โดยเฉพาะเมื่อ มติของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ให้ รับคำร้อง และ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
ส่งผลทำให้ ณ เวลานี้ นายกฯแพทองธาร ไม่สามารถเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะนายกฯได้ จะมีเพียงต้องเข้าไปทำงานที่กระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะ รมว.วัฒนธรรม คนใหม่ ที่เพิ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ และเข้าถวายสัตย์ ฯ ไปเรียบร้อยแล้ว ต้องยอมรับว่า เมื่อนายกฯแพทองธาร ไม่อยู่ที่ทำเนียบฯ อาจจะยาวนานใช้เวลาหลายเดือน กว่าที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ย่อมเกิดภาวะ สุญญากาศ ทางการเมืองโดยไม่อาจเหลีกเลี่ยง แม้ พรรคเพื่อไทย จะส่ง ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ทำหน้าที่ รักษาการนายกฯ ตามคำสั่งแต่งตั้งจาก สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและรมว.คมนาคม เมื่อวันที่ 2 ก.ค.68 ที่ผ่านมาก็ตาม
ดังนั้นในห้วงเวลาที่อยู่ในสุญญากาศเช่นนี้ จึงกลายเป็น จุดด่อน และจุดเปราะบางมากที่สุดต่อทั้ง พรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลที่อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด รวมถึง เจ้าของบ้านจันทร์ส่องหล้า อย่าง ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพ่อ ว่าจะวางเกมเดินหน้าต่อไปอย่างไร เพื่อให้ ลูกสาวได้อยู่ใน อำนาจ ยาวนานที่สุด และโดยเฉพาะในห้วงภาวะสุญญากาศเช่นนี้ จะมั่นใจได้อย่างไรว่า จะไม่เกิดภาวะ คลื่นแทรก จาก ศัตรูทั้งที่มองเห็น และในที่มืด
ด้วยการทำให้การเมืองเข้าสู่ ทางตัน จนนำไปสู่ เปลี่ยนตัวนายกฯ โดยที่ ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตคนสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย ก็จะไม่ได้อยู่ในสมการ อีกเช่นกัน แรงเขย่าจาก พรรคส้ม อย่าง พรรคประชาชน ที่พากันประสานเสียง เรียกร้องให้นายกฯแพทองธารเลือกหนทาง ยุบสภาฯ เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะหวังว่า พรรคส้มจะชนะเลือกตั้งได้อย่างถล่มทลาย ด้วยประเมินจากผลโพลหลายสำนักที่ต่างสะท้อน ความนิยม ของประชาชนที่มีต่อ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ดีดขึ้นมาอยู่ อันดับ1
ทว่าเสียงเรียกร้องจากพรรคประชาชนที่ดูเหมือนว่า ชูการยุบสภาฯเป็นทางออกของประเทศนั้น ยืนอยู่ในท่ามกลางความโดดเดี่ยว ในเมื่อ พรรคฝ่ายค้าน ทั้ง พรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย ซึ่งกลายเป็น ฝ่ายแค้น ต่างจี้ให้ นายกฯแพทองธาร ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อ เปิดทาง ให้มี นายกฯคนใหม่ เข้ามาบริหารประเทศ ยังไม่นับรวมการเคลื่อนไหวบนท้องถนน จากม็อบรวมพลังแผ่นดิน ที่ปักหมุดกันเอาไว้แล้วว่า แพทองธาร ต้องลาออกเท่านั้น และพร้อมที่จะ ยกระดับ การชุมนุมเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นนับจากนี้ ในภาวะสุญญากาศเช่นนี้ หลายคนกำลังเป็นห่วงว่า แพทองธาร จะอยู่ไปจนถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย ออกมาในอีกเกือบ 90 วันข้างหน้าได้หรือไม่ โดยไม่ถอดใจไปเสียก่อน !