ขณะที่ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เรียก “แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล” เข้าหารือที่โรงแรมโรสวูด กทม. บ่ายวานนี้ (22มิ.ย.68) เพื่อหารือถึงการปรับครม.โดยมี “8 เก้าอี้รัฐมนตรี” ที่เพิ่งยึดคืนมาได้จาก “พรรคภูมิใจไทย” มาเกลี่ย เฉลี่ยให้กับ พรรคร่วมรัฐบาล นัยว่าเป็นการ “แลกเปลี่ยน” เพื่อให้ทุกคนยังร่วมลงเรือร่วมกันต่อไป ด้วยความคึกคักนั้น
ปรากฏความเคลื่อนไหวอีกด้านหนึ่งที่เกิดขึ้นในวันเดียวกันเมื่อ “กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตยไทย” ทั้ง จตุพร พรหมพันธุ์ , ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, พิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) สำรวจพื้นที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เตรียมใช้ปักหลักจัดชุมนุมในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ เพื่อขับไล่ นายกฯแพทองธาร ให้ลาออก
ด้านหนึ่งคล้ายกับว่า “เพื่อไทย” ไม่ได้ให้น้ำหนักการเคลื่อนไหวของ “ฝ่ายตรงข้าม” หรือบรรดา “ขาประจำ” ในชื่อกลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ หาแต่ยังเร่งเดินหน้าจัดครม. “แพทองธาร 2” ให้จบโดยเร็วที่สุด อย่าลืมว่าในห้วงจังหวะ “รอยต่อ” ในยามที่บางพรรคร่วมรัฐบาลมี “เสียงแตก” ในพรรคฝ่ายหนึ่งต้องการให้ “ถอนตัว” แต่อีกฝั่งยังต้องการให้ “อยู่ต่อ” จนทำให้ เกิดปัญหาภายในทั้ง “ประชาธิปัตย์” และ “รวมไทยสร้างชาติ” อย่างที่เห็น
ในสถานการณ์ที่รุมเร้า นายกฯแพทองธาร ไปเสียทุกด้านเวลานี้ ทั้งปัญหาการปรับครม. ,แนวรบชายแดนไทย -กัมพูชา ที่ดูเหมือนว่า “ฝ่ายการเมือง” ต้องปล่อยให้ “แม่ทัพ” ที่อยู่ในพื้นที่ อยู่หน้าด่านตัดสินใจดำเนินการตอบโต้ กับฝั่งกัมพูชา ล่าสุด “บิ๊กกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งปิดด่าน 3จุด ทั้งที่ด่านสายตะกู จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. และในวันที่ 22 มิ.ย.เตรียมลงนามปิดด่านช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ และด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน
แนวรบระหว่างกองทัพ กับรัฐบาลเพื่อไทย เวลานี้ดูเหมือนชัดเจนว่าฝ่ายหลัง อยู่ในสถานะที่ “ขยับ” ได้ยาก แม้แม่ทัพนายกอง จะยืนยันว่า “ไม่มีปัญหาใดๆ” ก็ตาม แต่อย่าลืมว่า จากกรณีคลิปเสียงนายกฯคุยกับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าฝ่ายการเมืองอยู่ในสภาพที่ “ถอยร่น” แม้ล่าสุดจะมีความพยายาม ส่งชื่อ “บิ๊กนัย” พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. และอดีต ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) ซึ่งจะเป็นโควตาของเพื่อไทย ลงมาก็ตาม แต่การที่คุมกองทัพ ในจังหวะที่ผู้นำรัฐบาล สนิทสนมกับ ครอบครัวฮุนเซน นั้นแทบเป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่ง
ทุกแนวรบสำหรับรัฐบาลเพื่อไทย เวลานี้ย่อมไม่ได้ขึ้นอยู่กับเสียงสส.ในสภาฯ เพราะปัญหาวิกฤตศรัทธา คือเรื่องใหญ่ ยังไม่นับการที่ นายกฯแพทองธาร ต้องลุ้นระทึก เมื่อ “สว.สายสีน้ำเงิน” ยื่นเรื่องถอดถอน นายกฯอิ๊งค์ให้พ้นจากตำแหน่ง ด้วยข้อหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ถึงขึ้นเจียนอยู่เจียนไป หากศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องและสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ขึ้นมา !