รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์
ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต
วันนี้โลกการศึกษาต้องเผชิญกับความท้าทายที่มีพลวัตสูง การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี วัฒนธรรม และเศรษฐกิจระดับโลกได้กระตุ้นให้สถาบันอุดมศึกษาต้องปรับตัวและพัฒนาแนวทางการเรียนการสอนให้เท่าทัน โดยเฉพาะในรายวิชาศึกษาทั่วไป (General Education - GE) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างรากฐานแห่งคุณธรรม ทักษะชีวิต และความเข้าใจต่อสังคม ดังเช่นรายวิชา “พลเมืองไทยในศตวรรษที่ 21” (Thai Citizens in the 21st Century) หรือ ชื่อเดิม “พลเมืองไทย และพลเมืองโลก” (Thai and Global Citizens) และรายวิชา “คุณค่าของความสุข” (Values of Happiness) ซึ่งจัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ถือเป็นกรณีศึกษาที่สะท้อนนวัตกรรมการเรียนรู้เชิงบูรณาการที่เป็นรูปธรรมทั้งในมิติของกระบวนการจัดการเรียนรู้ การมีส่วนร่วมของผู้เรียน และการผลิตองค์ความรู้ใหม่
การออกแบบการเรียนรู้ของรายวิชา “พลเมืองไทยในศตวรรษที่ 21” นั้นยึดหลักแนวคิด Global Citizenship Education (GCED) และ Education for Sustainable Development (ESD) เป็นหัวใจหลัก ผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่โดยใช้รูปแบบ Hybrid Learning ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ทั้งแบบเผชิญหน้าและออนไลน์อย่างยืดหยุ่น ระบบบริหารจัดการชั้นเรียนด้วย QR Code ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ แต่ยังเสริมสร้างทักษะพลเมืองดิจิทัล (Digital Citizenship) ให้กับผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม
ในขณะเดียวกัน รายวิชา “คุณค่าของความสุข” ได้ออกแบบกิจกรรมภายใต้โมเดล “The Suan Dusit Approach: Learning Pathways to Happiness” ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมเสริมสร้างสุขภาพทางกาย กิจกรรมฐานการเรียนรู้ การฟังบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจและจิตวิทยา เช่น CK Cheong, CEO Fastwork Technologies หรือ “หมอเจี๊ยบ” ลลนา ก้องธรนินทร์, หมอ นักแสดง และพิธีกร พร้อมกิจกรรมปิดท้ายแบบ Showcase ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้นำเสนอสิ่งที่ตนเองเรียนรู้นำเสนอในรูปแบบสร้างสรรค์ แนวทางนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ที่ลงลึกและตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนรายบุคคล
นวัตกรรมการเรียนรู้ทั้งสองรายวิชานี้มีลักษณะร่วมที่เหมือนกันคือ การเปิดพื้นที่ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้ง โดยนักศึกษาสามารถเลือกกิจกรรมฐานการเรียนรู้ได้ตามความสนใจ มีโอกาสตั้งคำถาม พูดคุย และแลกเปลี่ยนความเห็นกับวิทยากรตามอิสระ ตัวอย่างคำถามของนักศึกษาที่ปรากฏ เช่น “ศตวรรษที่ 21 พลเมืองแตกต่างจากศตวรรษอื่นอย่างไร” หรือ “นักศึกษาสามารถใช้ AI ในการเรียนรู้ได้หรือไม่” สะท้อนถึงระดับการคิดเชิงวิเคราะห์และวิพากษ์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการศึกษายุคใหม่ที่ทุกคนต้องไม่ยึดติด กล้าเผชิญการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงต้องมีความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจผู้อื่น
ผลลัพธ์จากการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนและผู้สอนมีมากมาย เช่น ผู้เรียนได้รับความรู้เชิงแนวคิดเกี่ยวกับพลเมืองในบริบทโลก
ยุคใหม่ เข้าใจความรับผิดชอบต่อประเด็นสาธารณะ ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุขโดยไม่เบียดเบียนใคร ตระหนักว่าความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรือน่ากลัวแต่ต้องกล้าลุกขึ้นมาลองทำใหม่ และสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในเชิงสร้างสรรค์ ในขณะที่ผู้สอนเองก็ได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพในการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมกับผู้เรียนยุคดิจิทัล โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เช่น QR Code เครื่องมือออนไลน์ และการสื่อสารแบบมีส่วนร่วมหรือสองทาง
จุดเด่นสำคัญที่ทำให้รายวิชาทั้งสองรายวิชาดึงดูดนักศึกษามาเรียนจำนวนมาก ได้แก่ การบูรณาการระหว่างแนวคิดสากลกับบริบทท้องถิ่น รายวิชาพลเมืองไทยฯ เชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) กับวัฒนธรรมไทยและความเป็นพลเมืองดิจิทัล ในขณะที่รายวิชาคุณค่าของความสุข นำเสนอแนวคิดเรื่องความสุขในมุมมองใหม่ที่ครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ ความสัมพันธ์ และปัญญา ผ่านการเรียนรู้เชิงปรัชญา จิตวิทยา และธุรกิจร่วมสมัย นอกจากนี้ ทั้งสองรายวิชายังยึดหลักการเรียนรู้แบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยให้ผู้เรียนได้เลือกกิจกรรมฐานการเรียนรู้ตามความสนใจ และมีอิสระแสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียมและเปิดกว้าง
ด้านภาพรวมการดำเนินงานของรายวิชา “พลเมืองไทยในศตวรรษที่ 21” และ “คุณค่าของความสุข” นับเป็นตัวแบบที่สามารถยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ในรายวิชาศึกษาทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากส่งผลกระทบเชิงบวกต่อผู้เรียนและผู้สอน สะท้อนความพร้อมของมหาวิทยาลัย(สวนดุสิต)ในการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอนาคตทางการศึกษาแบบก้าวกระโดด พร้อมกับสร้างสมดุลระหว่าง
“ความสุขตามอัตลักษณ์ไทย” และ “ความเป็นพลเมืองโลก” ตลอจนการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีและประสบการณ์จริง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ
ดังเช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ออกแบบรายวิชากลุ่ม General Education ให้เชื่อมโยงความรู้ระหว่างศาสตร์กับชีวิตจริงอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมประเด็นด้านวัฒนธรรม จริยธรรม เทคโนโลยี และพลเมืองโลก มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ประเทศจีน มีการจัดรายวิชาศึกษาทั่วไปโดยบูรณาการหลักปรัชญาจีนโบราณเข้ากับบริบทการพัฒนาสมัยใหม่ มุ่งเน้นการสร้างพลเมืองที่มีคุณธรรมและความสามารถข้ามวัฒนธรรม ขณะที่ National University of Singapore (NUS) นำเสนอหลักสูตร General Education ที่เน้น Data Literacy, Digital Literacy และ Global Awareness ควบคู่กับการศึกษาสังคมสิงคโปร์ร่วมสมัยอย่างลุ่มลึก
กรณีตัวอย่างทั้งสามมหาวิทยาลัยล้วนสะท้อนถึงความสำคัญของการออกแบบการเรียนรู้ที่มีความสมดุลระหว่าง “ความรู้ทางวิชาการ” และ “ทักษะชีวิต” ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของมหาวิทยาลัยสวนดุสิตในการพัฒนารายวิชาศึกษาทั่วไปให้ตอบโจทย์โลกและสังคมยุคใหม่อันเป็นนวัตกรรมการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัยแห่งการเรียนรู้เพื่อความสุขแทร่ ๆ (แท้) ของนักศึกษาจริง ๆ ครับ...