ทีมข่าวคิดลึก
บรรยากาศทางการเมือง ดูไม่ปกติเหมือนเคย ยิ่งเมื่อการประชุมครม.ล่าสุด 17 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา บรรดา “แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล”
โดยเฉพาะ “ภูมิใจไทย” เลือกที่จะแยกวง ทั้งที่ผ่านมา มักมีภาพ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มายืนประกบคู่กับ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ในการแถลงข่าว ทุกคราวไป
ปรากฏว่างานนี้ ไม่เพียงจะไร้เงา อนุทิน ยืนประกบข้างนายกฯแพทองธารแล้ว หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยยังนำทีมสส.ของพรรค ปักหลักแถลงข่าวหน้าตึกบัญชาการ แสดงจุดยืนทางการเมืองของพรรค อย่างขึงขัง
ปฏิกิริยาจากพรรคภูมิใจไทย ที่แข็งกร้าวย้ำชัดเจนว่า หากพรรคเพื่อไทยยึด “กระทรวงมหาดไทย” หรือพูดง่ายๆ ถ้าจะต้องเสียเก้าอี้ “มหาดไทย” ไปจริง สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือพรรคภูมิใจไทย จะถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล !!
อาการขึงขังของพรรคภูมิใจไทยที่ไม่เพียงแต่จะโดนบีบ ถูก “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ขู่กลางอากาศว่าจะเอามหาดไทย มาให้พรรคเพื่อไทยดูบ้างเท่านั้น แต่ พรรคสีน้ำเงินยังโดนไล่ต้อนด้วย “คดีฮั้วเลือกสว.”
โดยบรรดา “บิ๊กเนม” ของพรรค ไม่ว่าจะเป็น “กรรมการบริหารพรรค” ไปถึง “เนวิน ชิดชอบ” ผู้มีอิทธิพลเหนือพรรค ยังถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียกเข้าชี้แจง ผ่านหมายเรียกกันเป็นทิวแถว
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย เปิดเกมสู้กลับด้วยการฟ้องสื่อว่าเวลานี้กำลังมีปฏิบัติการ “ล้ม” พรรคภูมิใจไทย ด้วยคดีฮั้วเลือกสว. อยู่นั้น น่าสนใจว่า “พรรคร่วมรัฐบาล” พรรคอื่นๆที่แม้จะไม่โดน “กดดัน” อย่างหนักเท่ากับพรรคสีน้ำเงิน
แต่ต่างออกมาส่งสัญญาณ ชัดเจนว่า หากมีการปรับครม.ขึ้นมาจริง โควตาของพรรคร่วมฯ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง !! ไม่ว่าจะเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่แม้จะมีปัญหา “ศึกใน” แต่แกนนำหลักของพรรคยังย้ำในจุดเดิมคือโควต้าไม่เปลี่ยน รวมถึงพรรคชาติพัฒนา และพรรคประชาธิปัตย์เอง ต่างเห็นพ้องจนมีการตั้งข้อสังเกตว่า บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลกำลัง “แทคทีม” จับมือกดดัน บีบพรรคเพื่อไทย และโดยเฉพาะอดีตนายกฯทักษิณ ให้ตกอยู่ในวงล้อม มากกว่าหรือไม่
การประลองกำลังกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย ที่กำลังคุกรุ่น เมื่ออนุทิน ย้ำว่ามีการคุยกับนายกฯจริง บนตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่มีการพูดเรื่องปรับครม. มีแต่นายกฯจะสั่งงานกระทรวงมหาดไทย ชนิด “ข้ามปี” เพื่อการันตีว่า มหาดไทย ยังเป็นของภูมิใจไทย
แต่ล่าสุดนายกฯแพทองธาร ให้สัมภาษณ์สื่อตอนหนึ่งในท่วงทำนองว่าแม้จะมอบหมายงานให้ยาวๆ แต่ไม่ได้การันตี หรือเป็น “เงื่อนไข”ว่าใครจะต้อง “อยู่ยาว” ในตำแหน่งนั้นๆ
สำหรับพรรคภูมิใจไทยแล้ว แน่นอนว่าในมือย่อมไม่ได้เพียง “69สส.” ที่สังกัดพรรคเท่านั้น แต่อย่าลืมว่า ยังมีรายการ “ฝากเลี้ยง” เอาไว้ที่พรรคฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็นพรรคไทยสร้างไทย หรือพรรคพลังประชารัฐ หรือแม้แต่พรรคประชาชน เพียงแต่ “รอจังหวะ” ยังไม่เปิดไพ่ใบต่อไป ออกมาก็เท่านั้น
พรรคเพื่อไทย อาจเลี่ยงการปรับครม.ได้ยาก เพราะส่วนหนึ่งมาจากแรงกดดัน “ภายในพรรค” ด้วยกันเอง แต่ขณะเดียวกัน ยังมี “นโยบายเรือธง” ที่ต้องเดินหน้าให้บรรลุเป้าหมาย โดยที่ต้องใช้แผนการปรับเปลี่ยนบางกระทรวงเพื่อดึง “อำนาจ” เอามาไว้ในมือเอง แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ อย่าลืมว่า “อำนาจต่อรอง” ของทักษิณ กับพรรคเพื่อไทย ที่มีต่อพรรคร่วมรัฐบาล 4พรรคนั้นไม่ได้เป็นไปอย่างเบ็ดเสร็จ ต่างหาก !