ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ ทั้งเกมการเมือง เบื้องหน้า ไปจนถึงเบื้องลึก รวมถึงผ่าน”กลไก” ในมือของแต่ละฝ่ายกันอย่างดุเดือด ทั้งฝ่าย “พรรคเพื่อไทย”กับ “พรรคภูมิใจไทย” ทำเอาการคาดการณ์สถานการณ์จึงเกิดขึ้นชนิดวันต่อวัน !
หลังจากที่ “แกนนำพรรคเพื่อไทย” ออกมาขานรับ เสียงขู่จาก “นายใหญ่” อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นำจิตวิญญาณของพรรค ว่าต้องการกระทรวงมหาดไทย ที่อยู่การดูแลของพรรคภูมิใจไทย ทำเอาบรรยากาศในพรรคร่วมรัฐบาลคุกรุ่นขึ้นมาตลอดสัปดาห์
เมื่อพรรคเพื่อไทย เปิดฉากฮึ่มใส่ พรรคภูมิใจไทย ปรับเกมสู้ด้วยการ “สงครามข่าว” ในท่วงทำนองว่าไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจ หากต้องไปเป็นฝ่ายค้านขึ้นมาจริง ควบคู่ไปกับการเดินหมากดูดสส.จากพรรคฝ่ายค้าน โชว์ศักยภาพ ของฝ่ายสีน้ำเงิน
การเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย ยังสอดคล้องไปกับ “สว.” สายสีน้ำเงิน ที่พยายามใช้เวทีวุฒิสภา เพื่อดึงประเด็นเรื่องการแก้ปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย -กัมพูชา เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่า พรรคเพื่อไทย ไม่เอาด้วย ตีตกข้อเสนอของสว.
ขณะเดียวกันว่าจังหวะเกมรุกของพรรคภูมิใจไทย กำลัง “สะดุด” เมื่อ “คดีฮั้วเลือกสว.” กลับเข้าสู่โหมดความร้อนแรงอีกครั้ง เมื่อคณะกรรมการสืบสวนชุดที่ 26 สำนักงาน กกต. ออกหมายเรียกบรรดา “บิ๊กเนม” ของพรรคภูมิใจไทย ไปรับทราบข้อกล่าวหา คดีฮั้วเลือก สว. และบิ๊กเนมที่ถูกระบุถึง นั้น มีชื่อของอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ,“เนวิน ชิดชอบ” แกนนำพรรค และชาดา ไทยเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค รวมอยู่ด้วย
แม้อนุทิน จะย้ำว่าไม่มีความกังวล และพร้อมยืนยันว่าจะไปชี้แจงต่อกกต.แน่นอน แต่ที่พีคไปกว่านั้น คือท่าทีจากพรรคเพื่อไทยเอง ที่ดูจะอ่อนลง ในปมประเด็นว่าด้วยการ “บีบ” ภูมิใจไทย ออกจากรัฐบาล ตามข่าวที่โหมกันมาพักใหญ่ เมื่อในความเป็นจริงแล้ว วันนี้ภูมิใจไทยกลายเป็น “หมู” ที่ไม่กลัวน้ำร้อน
เมื่อ “เสี่ยหนู” อย่างอนุทิน บอกชัดเจนว่า อำนาจในการปรับครม.แม้จะเป็นของ “นายกฯแพทองธาร” แต่เรื่องการ “ขยับโควตา” พรรคร่วมรัฐบาล ในครม. ย่อมไม่ใช่อำนาจของนายกฯ ด้วยซ้ำ !!