โชว์ฟอร์มกันอย่างดุเดือด ระหว่าง “พรรคกล้าธรรม” กับ “พรรคภูมิใจไทย” ในฐานะเจ้าของฟาร์มงูเห่า ที่พร้อมจะแสดงศักยภาพดึงตัว “สส.” จาก “ฝ่ายค้าน” เข้ามาเสริมทัพ เพิ่มตัวเลขสส.ในมือ เพื่อเตรียมเอาไว้ต่อรองในจังหวะที่ “การปรับครม.” กำลังใกล้เข้ามา
ปัญหาภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ยังไม่ลงตัว เพราะมีความเคลื่อนไหวว่า สส.21คนในกลุ่มของ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมช.พาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรค ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า อยากจะออกพรรคแล้ว ไปเริ่มต้นเส้นทางการเมืองใหม่กับ “พรรคกล้าธรรม” ของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” สส.พะเยา ประธานพรรค ขณะเดียวกัน มีรายงานที่เคยปรากฏมาก่อนหน้านี้ว่า เป้าหมายที่กลุ่มสุชาติ ต้องไปนับหนึ่งคือพรรคโอกาสใหม่ ต่างหาก
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เอง ยิ่งมีแนวโน้ม “น่าเป็นห่วง” เมื่อ “สันติ พร้อมพัฒน์” แกนนำพรรค ไปปรากฏตัวรับประทานอาหารกับ “เนวิน ชิดชอบ” แกนนำพรรคภูมิใจไทยตัวจริง และ ชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค ยิ่งตอกย้ำ “ข่าวลือ” ที่หนาหูมาก่อนหน้านี้ว่า “กลุ่มเพชรบูรณ์” ของสันติ เตรียมจะย้ายออกจากพลังประชารัฐ ว่ามีความเป็นไปได้สูง
เมื่อพรรคกล้าธรรม เดินเกมสะสมสส. เข้าพรรคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดึงสส.จากพรรคฝ่ายค้าน นัยว่าเพื่อสร้างอำนาจต่อรองทางการเมืองรองรับการปรับครม.ครั้งใหม่ แล้ว อีกด้านหนึ่งตัวเลขสส.ของพรรคกล้าธรรม ยังไปบวกเพิ่มให้กับ “เสียงข้างมาก” ของรัฐบาล ที่มีพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ
ขณะเดียวกัน พรรคภูมิใจไทยเอง ที่อยู่ในความสุ่มเสี่ยง ว่าพรรคเพื่อไทย อาจจะไม่ทน เตรียม “ปรับออก” จากรัฐบาลผสม จนทำให้พรรคสีน้ำเงิน ต้องหันไปจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่งสัญญาณให้เห็นว่า ในรัฐบาลผสมนั้นพรรคเพื่อไทยแม้จะเป็นแกนนำรัฐบาล แต่ไม่ได้มี “อำนาจเบ็ดเสร็จ” เพียงฝ่ายเดียว
ล่าสุด พรรคภูมิใจไทย ส่งภาพให้สื่อ เป็นการรับประทานอาหารร่วมกันกับแกนนำพรรคพลังประชารัฐ อย่างสันติ ซึ่งมีสส.ในมือไม่น้อย แม้ ทางฝั่งพรรคพลังประชารัฐจะออกมายืนยันผ่านสื่อว่า “ยังเหนียวแน่น” แต่ย่อมไม่สามารถการันตีได้ว่า กลุ่มเพชรบูรณ์ของสันติ จะไม่ย้ายไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย
ปฏิบัติการ “เขย่า” สองพรรคการเมือง ทั้งพรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ ด้วยการแบ่งสส.ออกเป็นสองขั้ว เป็นโมเดลที่ร.อ.ธรรมนัส เคยทำสำเร็จมาแล้วเมื่อคราวพรรคพลังประชารัฐ จะบรรลุเป้าหมายเป็นครั้งที่สองได้หรือไม่ แต่สำหรับพรรคภูมิใจไทย แล้วเวลานี้คงอยู่นิ่งเฉยต่อไปไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้น จะโดนรุกไล่ ไม่เลิก เก้าอี้รัฐมนตรีในครม.รอบหน้า จะรั้ง “กระทรวงมหาดไทย” เอาไว้ได้ยืดยาวแค่ไหน !?