อดทน อดกลั้นอยู่ร่วมกันมา กว่าครึ่งเทอม ยังเหลือระยะทางอีกไม่ถึง 2ปี แต่ดูเหมือนว่าบรรยากาศและสถานการณ์ รัฐบาลผสม ที่เคยตัดสินใจลงเรือลำเดียวกัน ร่วมดื่มช็อคมิ้นต์ ทำสัญญาใจในการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา 


 แต่แล้ว เมื่อนานวันความคึกคัก ความชื่นมื่นที่เคยมี กำลังแปรเปลี่ยน ปรับโหมดไปสู่ความขัดแย้ง ช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองกันอย่างดุเดือด ห้วงเวลาที่ยังเหลืออยู่ของรัฐบาล กลายเป็นการใช้โอกาสสะสมกำลังพล และเสบียง  เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับการเลือกตั้งรอบหน้า 

 ตลอดหลายวันที่ผ่านมา แม้รัฐบาลของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องรับมือกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา  ในท่ามกลางสถานการณ์ ความมั่นคง ที่ตึงเครียด ก่อนผ่านการ เจรจาทางลับ ระหว่าง แม่ทัพ ทั้งของฝ่ายไทยและกัมพูชา จนมาถึงการประกาศว่ากำลังทั้งสองฝ่าย ต่างปรับลดกำลังลงตามชายแดนไทย 

 ปราฎว่า  เกมการเมืองที่เชื่อมโยงไปกับการปรับครม. จาก แพทองธาร 1 ไปสู่ แพทองธาร 2 กลายเป็นการปลุกเร้าแนวรบทั้งในรัฐบาลผสมด้วยกันเอง แล้วยังกระทบไปถึง ศึกใน ของแต่ละพรรคตามมา  จากน้ำที่เคยนิ่ง แต่เมื่อมีการ ส่งสัญญาณ จาก ทักษิณ ชินวัตร พ่อของนายกฯ ที่แสดงความต้องการชัดเจนอยากได้กระทรวงมหาดไทย ให้ เพื่อไทย ได้เข้าไปบริหารบ้าง เพราะใกล้เลือกตั้งแล้ว และเป็นการ ขู่ยึด ในจังหวะที่พรรคภูมิใจไทยอ่อนแรง เสียแต้มต่อ เพราะ สว.สายสีน้ำเงิน กำลังจะถูกบีบอย่างหนัก 

 อย่างไรก็ดี การปรับครม.ในจังหวะที่พรรคใหญ่ๆในรัฐบาลผสมต่างมีแรงกระเพื่อม บวกกับการแผ่ขยายจำนวนสส.ของ พรรคกล้าธรรม ในฐานะ พรรคกองหนุน  ให้กับทักษิณ และเสริมเก้าอี้นายกฯแพทองธาร  สะสมความกล้าแข็ง 


 แต่สำหรับนายกฯแพทองธาร แล้วลึกๆแล้วเธอเองอาจไม่ต้องการปรับครม. เพราะรู้ดีว่าภายในพรรคเพื่อไทยด้วยกันเอง สมาชิกพรรคมีทั้งกลุ่มที่ขึ้นตรงกับ พ่อ อีกส่วนหนึ่งคือสส.ที่ใกล้ชิดกับตัวเธอเอง ซึ่งต่างต้องการเก้าอี้รัฐมนตรี ไม่ต่างกัน 


 ดังนั้นเท่ากับว่า เมื่อไหร่ที่มีการปรับครม. แรงกระเพื่อมจึงจะไม่กระทบเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังลามมาถึง ในพรรคเพื่อไทย อีกด้วยต่างหาก และเหนืออื่นใดความต้องการของทักษิณ  ยังต้องลุ้นว่า กระทรวงมหาดไทยนั้น พรรคภูมิใจไทย จะยอมปล่อยมือหรือไม่ เมื่อศึกระหว่าง พรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยยังไม่จบ  ทั้งการปรับครม. บวกกับ คดีฮั้วเลือกสว.67 ที่ยังคาราคาซัง เป็นเกมงัดข้อระหว่าง ทักษิณ กับ เนวิน ชิดชอบ เจ้าของพรรคตัวจริงแล้ว


 ที่สุดแล้ว แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล อาจต้องกลับไปสู่จุดแรก เมื่อวันที่กินช็อคมิ้นต์ร่วมกัน แล้วพยายามอยู่ในความสงบนิ่งให้มากที่สุด อาจเป็นทางเลือกที่ดีต่อทุกฝ่าย !