การเมืองเกาหลีใต้กลับมาเป็นที่สนใจของโลก หลังวิกฤติการประกาศกฎอัยการศึก และนำไปสู่การถอดถอน ยุนซอกยอล ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี การเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ปี 2568 กำลังดุเดือดเมื่อสองตัวเต็งจากต่างขั้วการเมือง “อี แจ-มยอง” จากพรรคประชาธิปไตย และ “คิม มุนซู” จากพรรคพลังประชาชน ขับเคี่ยวกันด้วยนโยบายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
โดยอี แจ มยอง เคยพ่ายแพ้อย่างเฉียดฉิวในการเลือกตั้งปี 2565 กลับมาพร้อมวิสัยทัศน์ใหม่ เน้นยกระดับคุณภาพชีวิต กระจายความมั่งคั่ง และลดความตึงเครียดกับประเทศเพื่อนบ้าน
ด้าน คิม มุนซู อดีตรัฐมนตรีแรงงาน วัย 73 ปี ผู้มีเส้นทางจากนักเคลื่อนไหวสู่ขั้วอนุรักษนิยม เสนอแนวทางแข็งกร้าวเรื่องความมั่นคง และเน้นพันธมิตรแน่นแฟ้นกับสหรัฐฯ
ในด้านนโยบายเศรษฐกิจ อี แจ มยอง มุ่งลงทุนใน AI สนับสนุน Soft Power และธุรกิจท้องถิ่น ขณะที่ คิม มุนซู เน้นลดภาษีและตั้งกองทุนร่วมรัฐ-เอกชนเพื่อส่งเสริมนวัตกรรม
ส่วนนโยบายต่างประเทศ อี แจ มยอง ต้องการสมดุลระหว่างสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ส่วนคิม มุนซู เสนอเจรจาทันทีหากทรัมป์กลับมามีอำนาจ พร้อมเสริมแสนยานุภาพร่วมกับพันธมิตร
เกาหลีเหนือ อี แจ มยอง เสนอลดความตึงเครียดและผลักดันเขตปลอดนิวเคลียร์ ส่วนคิม มุนซู ชูยุทธศาสตร์ป้องปรามเชิงรุก และเรียกร้องให้นำอาวุธนิวเคลียร์กลับมา
นโยบายครอบครัว-ประชากร ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับวิกฤตประชากร โดยอี แจ มยองเน้นลดหย่อนภาษีและสนับสนุนผู้สูงวัย ขณะที่คิม มุนซู หนุนประกันสุขภาพครอบคลุมการเก็บไข่-สเปิร์ม
ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม อี แจ มยอง เสนอปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินภายในปี 2583 ค่อย ๆ ปรับสู่พลังงานหมุนเวียน ส่วนคิม มุนซู เดินหน้าขยายพลังงานนิวเคลียร์ ลดต้นทุนภาคธุรกิจ
ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา จะตัดสินทิศทางประเทศว่าจะไปต่อในแนวทางเสรีนิยม หรือกลับสู่กรอบอนุรักษนิยมอีกครั้ง ผลการเลือกตั้งจะไม่เพียงสะท้อนอนาคตของแดนโสมขาว แต่ยังส่งสัญญาณสำคัญต่อความมั่นคงของทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกอีกด้วย