ลำพังการรับมือทางการเมือง กับ “นักการเมือง” ด้วยกัน ทำเอา “นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า” วุ่นวายมากพออยู่แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าเวลานี้ แนวรบใหม่ ที่เข้ามาเพิ่มดีกรีความเข้มข้นยังกลายเป็นว่า  “นักการเมือง” อาจต้องรบกับ “หมอ” อีกทางหนึ่ง

เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ที่ผ่านมา “แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์”  มีมติภายหลังการประชุมโดยออกแถลงการณ์สนับสนุนมติแพทยสภา ระบุสาระสำคัญเอาไว้ว่า

“ แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ สนับสนุนให้สมาชิกประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้ถูกต้อง ตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม และ สนับสนุนมติแพทยสภาในการควบคุมการประพฤติของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้ถูกต้องตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525

ทั้งนี้ ขอเป็นกำลังใจในการทำหน้าที่ของคณะผู้บริหารแพทยสภา คณะอนุกรรมการทุกคณะและเจ้าหน้าที่ทุกตำแหน่ง ที่ทำหน้าที่ในการหาข้อเท็จจริงด้านการแพทย์และกฎหมายทางการแพทย์ ยืนหยัดด้วยหลักธรรมาภิบาล โปร่งใสปราศจากการแทรกแซงใดๆจนได้รับการพิจารณาเป็นมติแพทยสภาที่มีความยุติธรรมต่อแพทย์และประชาชน”

และในวันเดียวกัน ศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช รุ่น 82 -รามาธิบดี รุ่น 7 (พศ.2514-2519) จำนวน 73 คน แสดงจุดยืนสนับสนุน “มติแพทยสภา” ที่มีมติเมื่อวันที่ 8 พ.ค.68 ที่ผ่านมาให้ลงโทษ แพทย์ 3 รายที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัว “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาตัวนอกเรือนจำ

แม้ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและรมว.กลาโหม ในฐานะมืองานของทักษิณ จะยืนยันกับสื่อว่าไม่มีความขัดแย้งระหว่าง หมอกับนักการเมืองก็ตาม แต่นาทีนี้ ดูเหมือนว่า เมื่อ “เผือกร้อน” ตกไปอยู่ที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข ในฐานะ นายกสภาพิเศษ ซึ่งเขาเองต้องตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรกับ “มติแพทยสภา” ที่ส่งมาให้ก่อนหน้านี้ จะวีโต้หรือจะเห็นด้วยตามมติแพทยสภาที่สั่งให้ลงโทษ แพทย์ 3ราย หรือไม่

เงื่อนปมปัญหาจากกรณี “ชั้น14” ที่มี ทักษิณ เป็น “ตัวแปร” สำคัญ กับมติแพทยสภา ที่ตอกย้ำเรื่องการป่วยวิกฤตของทักษิณ นั้นไม่มีจริง จนถึงกับต้องไปนอนรักษาที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจนั้น ไม่ว่าสมศักดิ์ และคณะกรรมการที่เขาตั้งขึ้นมา 10 คนจะมีท่าทีออกมาอย่างไร ล้วนมีผลกระทบทั้งสิ้น

เพราะหากสมศักดิ์ เลือกวีโต้มติแพทยสภา จะเท่ากับเป็นการ “ท้าทาย” ฝ่ายต่อต้านทักษิณ ให้ลุกฮือขึ้นมา แต่หากเห็นชอบตามมติแพทยสภา เท่ากับว่า “ลูกน้อง” ของทักษิณ ยอมรับว่า “นายใหญ่” ป่วยทิพย์ มาตั้งแต่ต้น โดยมี “คำสั่งลงโทษ” แพทย์ 3ราย เป็นหลักฐาน !