หากสังเกตอาการและท่าทีจาก “กลุ่มการเมืองภาคประชาชน” อย่าง “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” ตลอดจนบรรดาหัวแถวไปจนถึง ท้ายขบวน ต่างพากันอยู่ในสภาพการณ์ที่ไม่สามารถ “ไปต่อ”ได้โดยปริยาย เมื่อมีความชัดเจนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศให้วันที่ 24มี.ค.เป็นวันเลือกตั้ง ออกมาอย่างเป็นทางการ
แม้แกนนำที่เคยออกมาเคลื่อนไหว จัดอีเว้นท์คัดค้านการเลื่อนวันเลือกตั้ง ผสมปนเปไปกับการอาศัยจังหวะกดดัน “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” หรือคสช. ในคราวเดียวกัน จนทำให้ปรากฎอยู่ในเป้าโฟกัส แทนที่ “คนเสื้อแดง” ที่เคยฝากผลงานการเคลื่อนไหวเอาไว้ จนล่าสุดแกนนำหลายคนได้ออกมาประกาศหยุดการเคลื่อนไหว แต่ก็พร้อมที่จะกลับมาทวงสัญญา กันอีกได้ทุกเมื่อ
แน่นอนว่าในด้านหนึ่ง นี่อาจกลายเป็น “เครดิต” ที่บรรดานักเคลื่อนไหว สามารถหยิบฉวยเอาไปใช้ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว “ฝ่ายความมั่นคง” เองมีแผนการรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมในรูปแบบใดก็ตาม
การประกาศความชัดเจนวันเลือกตั้ง ตลอดจนไทม์ไลน์ต่างๆที่ตามมาในขั้นตอนต่างๆ ทั้งวันเปิดรับสมัคร ไปจนถึงวันลงคะแนนทั้งในและนอกราชอาณาจักร ล้วนแล้วแต่เป็นการมองที่ไกลมากไปกว่าการสยบกลุ่มนักเคลื่อนไหวอย่าง คนอยากเลือกตั้งเท่านั้น
เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นการนับหนึ่งของการเปิดฉากการหาเสียง การปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายเลือกตั้งต่างๆแล้วเท่านั้น แต่ยังพบว่า มีปฏิกริยา ในเชิงที่เป็น “บวก” ต่อรัฐบาล ตามมา
เมื่อ คณะผู้แทนสหภาพยุโรป (อียู) ประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่แถลงการณ์ของโฆษกของผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรป และรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เกี่ยวกับการประกาศวันเลือกตั้งในประเทศไทย โดยระบุตอนหนึ่งว่า “การประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปในประเทศไทย และการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้ เป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูประชาธิปไตยในประเทศไทย
ขณะที่การยกเลิกข้อจำกัดในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในเดือนที่ผ่านมา นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เราตั้งตารอที่จะได้เห็นการรณรงค์หาเสียงเป็นไปอย่างเปิดกว้างและสงบเรียบร้อย โดยที่เสรีภาพในการแสดงออกอันจำเป็นต่อกระบวนการทางประชาธิปไตยได้รับการรับรอง
ทั้งนี้ เราคาดหวังว่าจะได้เห็นการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือ มีการแข่งขัน และมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย โดยเป็นธรรมต่อทุกพรรคการเมือง ซึ่งนำไปสู่การแต่งตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน สหภาพยุโรปพร้อมที่จะสนับสนุนประเทศไทยต่อไปในการกลับคืนสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย”
ปฏิกริยาที่เป็นบวก มากกว่าลบ ต่อรัฐบาลของ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ที่เกิดขึ้นตามมา ทั้งในและนอกประเทศ นับเป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขปัจจัย ที่รัฐบาลต้องคำนึงถึง เพราะสิ่งเหล่านี้อาจแปรเปลี่ยน กลายเป็น “คะแนน” ที่เพิ่มขึ้นให้กับ “พรรคพลังประชารัฐ” ไปอย่างเนียนๆ !