ภายหลังจากที่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 23 ม.ค.กันไปเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือบรรยากาศทางการเมืองที่เต็มไปด้วยความคึกคัก ที่มีขึ้นตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นตัวนักการเมืองเอง ,คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะผู้จัดการเลือกตั้ง ต้องมีการเรียกประชุมกันเป็นการด่วน
และเช่นเดียวกับที่ทำเนียบรัฐบาลเอง แทบทุกสายตาต่างพากันโฟกัสมายังความเคลื่อนไหวของ ทั้ง "4รัฐมนตรี" ในกลุ่มของ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี ว่าจะตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี กันเมื่อใด
แต่ที่เป็นไฮไลต์ มากที่สุดคงไม่พ้นการที่ทุกคนต่างพากันจับจ้องไปยัง "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าจะตัดสินใจอย่างไร จากนี้ไป จะเซย์เยส หรือเซย์โน สำหรับเส้นทาง ทางการเมือง จากนี้ไป
เพราะวันนี้ ประเด็นที่คอการเมืองพูดคุย วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ได้ไปไกลถึงเรื่อง "นายกฯคนใน" และ "นายกฯคนนอก" ไปแล้ว ว่าในสถานการณ์คลื่นลมเช่นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจ เช่นใด แต่วันนิ้ยังไม่มีคำตอบใด ๆนอกจาก "รอยยิ้ม" จากบิ๊กตู่เท่านั้น
ไม่เพียงแต่ การตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อเส้นทาง ทางการเมืองจะออกมาในรูปไหน เท่านั้น ทว่า เมื่อมองไปยัง "พรรคเพื่อไทย" ในฐานะพรรคคู่ปรับคสช. พบว่า ยังไม่มีคำตอบว่าพรรคจะใส่ชื่อใครให้ขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกฯ อันดับหนึ่ง ระหว่าง "คุณหญิงหน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ของพรรค กับ "รัฐมนตรีผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี" อย่าง "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" แกนนำพรรค มีเพียง ข่าวลือ ข่าวปล่อย ทั้งจาก "คนใน-คนนอก" พรรค ทำเอาเกิดความสับสน และวุ่นวายภายในพรรคกันมาอย่างต่อเนื่อง !
สำหรับพรรคที่มีความชัดเจน ประกาศชูหัวหน้าพรรคไม่มีพลิกโผ ให้ต้องลุ้นระทึกคือ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"หัวหน้าพรรค ทางด้านพรรคภูมิใจไทย ชู "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล และพรรคอนาคตใหม่ ชู "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรค ลงมาท้าชิงกับ บิ๊กเนมทางการเมือง
บรรยากาศทางการเมืองจากนี้ไป จึงเต็มไปด้วยความเข้มข้นในแทบทุกมิติ ควบคู่ไปกับการที่ทุกฝ่ายเองต้องระมัดระวังตัว ไม่ให้มีอันต้อง "ตกม้าตาย" ด้วยการกระทำการณ์อันสุ่มเสี่ยง ต่อกฎหมาย จนไปไม่ถึง วันเลือกตั้ง วันหย่อนบัตร
เนื่องจากเมื่อมีการประกาศพ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ส.ส. ออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว จะเริ่มนับหนึ่งทั้งการหาเสียง ,การคิดคำนวณค่าใช้จ่ายของแต่ละพรรคการเมือง ไปจนถึงการจับตา รูปแบบการหาเสียง ของแต่ละพรรคว่าเข้าข่ายเป็นการโจมตี ให้ร้ายและผิดกฎหมายหรือไม่
วันนี้ต้องยอมรับว่าการเมืองเดินหน้าขยับไปไกลล่วงหน้ากันแทบทุกพรรค เพราะต่างรู้ดีว่าทุกวัน ทุกนาที ล้วนมีค่าต่อการ "ทำคะแนน" ทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน ยังต้องไม่ลืมว่าเมื่อโฉมหน้า "ว่าที่นายกฯ" ของแต่ละพรรคปรากฎออกมาชัดเจนแล้ว ย่อมจะมีผลต่อการตัดสินใจ ของประชาชนมากขึ้น อย่างไม่ต้องสงสัย !