ดูเหมือนว่า กองแช่ง ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะพากันฝากความหวังเอาไว้ที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มากกว่า องค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือแม้แต่ผลสอบจาก แพทยสภา เสียแล้ว
เมื่อศาลฎีกา ฯมีคำสั่งเมื่อวันที่ 30 เม.ย.68 ว่าจะสอบกรณีชั้น 14 ที่ทักษิณ ไปนอนพักรักษาตัว โดยการส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจโดยกรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่ง ศาลฎีกาศาลยังมีคำสั่งแจ้งไปยังจำเลยคือทักษิณ ,ผู้บัญชาการเรือนจำ ,อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องให้ทำคำชี้แจงตามคำร้องที่ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นต่อศาล ชี้แจงข้อเท็จจริงมาให้ศาลภายใน 30 วัน
แม้ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งไม่รับคำร้องของชาญชัย แต่การที่ศาลขยับลงมาดำเนินการสอบสวน ไต่สวนเองและศาลมีคำสั่งให้นัดพร้อมหรือนัดไต่สวน ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ เวลา 09.30 น.นี้ ดูไม่เป็นการดี หรือทำให้เจ้าตัว วางใจได้ ว่าผลที่ออกมาจะเป็นไปในทางบวกมากกว่าลบ
ล่าสุด นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ประเมินว่า กรณี "ชั้น 14 อาจโยงถึง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะการถูกร้องว่าเข้าข่ายกระทำความผิด ตามป.วิอาญา มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
สิ่งที่หลายคนตั้งคำถาม การไต่สวนของศาลฎีกาจะจบที่ใครบ้างนั้นน่าสนใจ ถ้าสมมติว่าผลออกมาว่า นายทักษิณไม่ได้ป่วยวิกฤติจนต้องส่งตัว หรือถือว่าไม่ได้ติดคุกจริง หรือ ไม่มีการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษา
เรื่องนี้น่าจะขยายไปสู่ผู้ให้ความร่วมมือ ทั้งแพทย์ที่เกี่ยวข้องของรพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ อาจจะโยงไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่สำคัญ ผมเคยทำเรื่องนี้ร้องไปที่นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ด้วย ซึ่งนายกไม่ได้ดำเนินการใดๆ ให้คาดเดาละกันว่านายกฯอุ๊งอิ๊งค์สมควรโดน มาตรา157 หรือไม่
เก้าอี้นายกฯคนที่ 31 ของแพทองธาร จากเดิมที่ต้องเจอกับแรงกดดันรอบทิศรอบทาง ทั้งจากในรัฐบาลผสมด้วยกันเองแล้ว พายุเศรษฐกิจที่กำลังโถมเข้าใส่ประชาชนในประเทศถือเป็นเรื่องใหญ่ที่มากกว่าการปรับหรือไม่ปรับครม. แต่หากไม่ปรับ แรงกระเพื่อม ทางการเมืองทั้งในและนอกพรรคเพื่อไทย ก็จะขยับมากขึ้นตามมาเช่นกัน
หมายความว่า นอกจากปัญหาเก่าที่รุมเร้า เขย่าเก้าอี้นายกฯแพทองธาร อยู่เดิมก็หนักหนาพอตัว และหากในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ มีความเคลื่อนไหวจากศาลฎีกา ออกมาในวันนัดพร้อมให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับปมชั้น 14 มาฟังปรากฏในทางลบ คงไม่ต้องคาดการณ์ด้วยซ้ำว่า ทั้งอำนาจต่อรองของพรรคเพื่อไทย และความแข็งแกร่งของเก้าอี้นายกฯจะอยู่ในภาวะวิกฤติหรือไม่ !?