สถาพร ศรีสัจจัง
เห็นนายกรัฐมนตรีประเทศเพื่อนบ้านอย่าง “สหพันธรัฐมาเลเซีย” (Federation of Malaysia) ท่านดาโต๊ะ ซรี อันวาร์ บิน ฮิบราฮิม (มลายู : Dato' Sri Anwar bin Ibrahim) ที่ตอนนี้ดำรงตำแหน่ง “ประธานอาเซียน” อยู่ด้วย เดินทางมาเยี่ยมที่ปรึกษาพิเศษส่วนตัวในเมืองไทย(ชื่อทักษิณ ชินวัตร) นัยว่าเพื่อหารือ “ข้อรัฐการ” หลายเรื่อง
เรื่องสำคัญน่าจะคือปัญหา “พม่าเผาเมือง” (อย่าลืมว่าพม่าเป็นสมาชิก “อาเซียน” ด้วย!)
เพราะเห็นในรายงานข่าวบอกว่ามีการ “เชิญ” ผู้นำพม่า (ที่พ่วงตำแหน่งทั้งประธานสภาบริหารแห่งรัฐ/ประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรี อยู่ในคนเดียว)คือขุนทหารที่ชื่อ “พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย” ที่เพิ่งได้รับเชิญมาเยือนไทยครั้งแรก(หลังเป็นผู้นำก่อการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลของนางออง ซาน ซูจี ลูกสาวของ อู ออง ซาน วีรบุรุษยุคกู้ชาติพม่า ที่มาจากการเลือกตั้้ง จนทำให้เกิดการแตกแยกขัดแย้งฆ่าฟันกันในประเทศนั้น มีคนต้องตาย-เจ็บ พิการ พลัดบ้านพลัดเมือง อย่างน่าอเนจอนาถเป็นจำนวนมาก) เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมานี้เอง
เพื่อเข้าร่วมการประชุมของกลุ่ม “BIMSTEC” (องค์กรความร่วมมือด้านเศรษกิจของกลุ่มประเทศแถบอ่าวเบงกอลที่มีทั้งสิ้นรวม 7 ประเทศ คือ อินเดีย เนปาล ภูฏาน บังกลาเทศ ศรีลังกา เมียนมา และไทย)
ในการพูดคุยหารือกันกับนายกฯมาเลเซียครั้งนี้ ตัวแทนฝ่ายไทย และ คุณทักษิณคงจะผนวกเอาปัญหาอื่นๆเกี่ยวกับ “การเมืองไทย” โดยเฉพาะเรื่องที่จะมีผลดีกับ “พรรคเพื่อไทย” ที่ใครก็รู้ว่าคุณทักษิณเป็น “เจ้าของ” (แม้จะมีชื่อหัวหน้าพรรคที่กำลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนก็เถอะ!) เช่น เรื่องที่เกี่ยวกับปัญหาการ “ดับไฟใต้” เป็นต้น ด้วยบ้างละกระมัง!
เรื่อง “ไฟใต้” นี่แหละที่เป็นประเด็น!
เรื่อง “ไฟใต้” นั้น เมื่อถึงยุคปัจจุบันดูเหมือนจะกลายเป็น “เรื่องธรรมดาๆที่คุ้นชิน” เรื่องหนึ่งของคนไทยยุคนี้ไปเสียแล้วก็อาจเป็นได้ (นอกจากคนในพื้นที่ “ต้นเรื่อง” คือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี-ยะลา และ นราธิวาส กับอีก 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาที่ยังคงต้องนอนและเดินทางแบบ “ระทึกใจ” กันอยู่ทุกคืนวัน)
เหมือนกับที่พวกเขาเริ่มคุ้นชินและรู้สึกเหมือนเป็น “ปรากฏการณ์ปกติ” ต่อ “ความตาย ความบาดเจ็บ ความพิการ และความหายนะในรูปแบบต่างๆ” ของผู้คน ทั้งที่เป็นพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ต่างๆในขอบเขตรอบโลกยุคปัจจุบัน(เพราะถูกฝึกให้คิดแบบคนยุคผลประโยชน์กูเท่านั้นที่เป็นใหญ่! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกู ไม่ใช่เรื่องของกู ญาติกู หรือพวกกู!)
ตั้งแต่ภาพและข่าวในสงครามในตะวันออกกลางซึ่งเห็นๆรู้ๆอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ว่าอิสราเอลระดมยุทธปัจจัยสมัยใหม่ล้นหลากมากชนิด(ภายใต้การสนับสนุนอย่างสุดจิตสุดใจของมหาอำนาจใหญ่ของโลกที่ชื่อ “สหรัฐอเมริกา”) สาดถล่มทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำแบบเจตนาจะ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ผู้คนในปาเลสไตน์ ที่เริ่มกันมาตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2566
จนถึงวันนี้ ที่ผ่านมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี 6 เดือน ก็ยังเห็นทั้งเด็ก ผู้หญิง และคนแก่ ที่เป็นทั้งพ่อแม่พี่น้องชาวปาเลสไตน์ ต้องล้มตาย บาดเจ็บ พลัดบ้านพลัดเรือนกันอยู่แบบ “ตำตา” ทุกวันๆเช่นเดิม!
องค์การสหประชาชาติที่เคยกร่างยิ่งใหญ่กับประเทศเล็กประเทศน้อยมาโดยตลอด พอเจอเรื่องนี้ ที่มี “พี่เอื้อย” อย่างสหรัฐอเมริกาเป็นผู้หนุนหลังให้ท้ายอิสราเอลอย่างเต็มสูบ ก็กลายเป็นองค์กร “เสือกระดาษ” และ เหมือนกับต้องมนต์มารจนกลายเป็นง่อยเอาเสียง่ายๆไปเสียฉิบ!
แล้วบรรดาประเทศหรือ “รัฐอิสลาม” ทั้งหลายเล่าเป็นอย่างไรกันบ้าง?
ตั้งแต่ประเทศใหญ่ๆหรือประเทศมหาเศรษฐีอย่างซาอุดีอาระเบีย บรูไน อียิปต์ คูเวต มาเลเซีย อินโดนีเซีย ตุรเคีย รวมถึงประเทศอีกมากมายที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม
จนถึงองค์กรที่เรียกตัวเองเสียใหญ่โตว่า “องค์การความร่วมมืออิสลาม” (OIC) เล่าทำอะไรกับเรื่องนี้ได้บ้าง?
ก็เห็นมีแต่กลุ่มกองกำลังจัดตั้ง(ติดอาวุธ)เพื่อลุกขึ้นสู้ป้องสิทธิตัวเอง ที่สหประชาชาติ(ภายใต้การผลักดันของสหรัฐอเมริกา)ตีตราให้เป็น “กลุ่มก่อการร้าย” อย่างกลุ่ม “อิซบอลเลาะห์” ใน “เลบานอน” และ กลุ่ม “ฮูตี” ในเยเมนเท่านั้นละกระมัง ที่ประกาศตัว และ “ปฏิบัติจริง” ให้เห็นว่า “มุสลิมเป็นพี่น้องกัน เปรียบประดุจเรือนร่างเดียวกัน”!
และไม่ว่า “อิหร่าน” จะเป็นผู้หนุนหลัง “กลุ่มก่อการร้าย” ต่างๆดังที่สหรัฐอเมริกากล่าวหาหรือไม่ก็ตาม แต่ในเรื่องนี้ อิหร่านก็แสดงตัวอย่างชัดเจนแบบไม่แทงกั้กและไม่กลัวเกรงมหาอำนาจโลกว่าพวกเขาอยู่ข้างพี่น้องผู้น่าสงสารชาวปาเลสไตน์แน่นอน!
นอกจากสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์แล้ว ที่เห็นชัดๆว่ามีคนตาย คนเจ็บ คนพิการ ขาดอาหารหรือต้องอพยพย้ายถิ่นให้เป็น “ข่าว” ได้แบบเป็น “เรื่องปกติรายวัน” ยาวนานมากกว่าเสียอีก ก็คือสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่รบกันมาจนครบ 3 ปีเต็มแล้วตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 ที่เพิ่งพ้นผ่าน
นี่ยังไม่นับความตาย ความพิการ ความเจ็บไข้ได้ป่วยของผู้คนทั่วโลก ที่เกิดจากเหตุที่มนุษย์ (โดยกลุ่มชนชั้นนำ ที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจ-การเมืองโปรแกรมความคิดให้)ใช้ความคิดแบบ “ผู้พิชิต” ไปรุกรานโลกในรูปแบบต่างๆมาอย่างยาวนาน จน “โลกเพี้ยน” เป็นร้อนจัดหนาวจัดอะไรนั่น เป็นแผ่นดินไหว เป็นสึนามิ เป็นภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม-น้ำแล้ง และเกิดโรคระบาดใหญ่หรืออะไรๆสารพัด!
เอาละนอกเรื่องไปเสียไกลมาเข้าประเด็นเรื่อง “ไฟใต้” ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับหัวเรื่องที่ตั้งไว้ และ กับคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาส่วนตัวนายกรัฐมนตรีมาเลเซียผู้เป็นประธานกลุ่มอาเซียนปัจจุบัน และ เป็นบิดาสุด “เลิฟ” ของนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง” อีกด้วยที่ว่ากันว่า คือผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการ “จุดไฟใต้” ให้ลุกโหมฮือขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน!
มาย้อนดูกันอีกทีซิว่า “ไฟใต้” ที่ยังคุโชนอยู่ และ ดูเหมือนจะกำลังร้อนแรงยิ่งขึ้นในปัจจุบันนั้น มีเหตุมีปัจจัยมาจากอะไร?เผาบ้านเผาเมืองไปอย่างไรแล้วบ้าง และ รัฐบาลนี้น่าจะมี “น้ำยา” ในการ “ดับไฟใต้” ได้แค่ไหน-อย่างไร?!!