การออกมาให้สัมภาษณ์สื่อของ “ บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงการเลือกตั้งและงานพระราชพิธี เมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ได้กลายเป็น “ประเด็นร้อน” ที่เรียกแขกให้ “ฝ่ายตรงข้าม” ดาหน้าออกมาออกแอคชั่นกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะเมื่อ พล.อ.อภิรัชต์ พูดถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่ออกมานัดชุมนุมกันในทุกวันหยุด เพื่อต่อต้านการเลื่อนเลือกตั้ง ด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่บ่งบอกถึง “ความอิดหนาระอาใจ” เพราะคนกลุ่มนี้ต้องการทำให้เกิดความวุ่นวาย โดยไม่คำนึงถึงวาระสำคัญของประเทศ “ มีคนประเภทนี้ในสังคมไทย ผมก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร ถ้าอยากให้เป็นอย่างนี้ อยากจะให้เกิดความวุ่นวาย ก็เป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องทำให้เกิดความวุ่นวายอยู่อย่างนี้ ผมคิดว่าคนที่เขาเข้าใจคงจะรำคาญ ประชาชนที่อยากทำมาหากินตามปกติและที่มีเหตุผล ว่าทำไมจะต้องเลื่อนเลือกตั้ง ซึ่งผมก็ยังไม่ได้รับทราบเพราะกกต. ไม่ได้ประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ก็ตีความกันไป ทุกอย่างมันมีเวลาทุกอย่างมีกรอบเวลาและมีกฎหมายรองรับโดยเฉพาะ พระราชบัญญํติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้ง ถ้าไปคิดตาม ไทม์ไลน์ปฏิทิน การเลือกตั้งทุกอย่างก็อยู่ในกรอบเวลา ส่วนงานพระราชพิธี ต้องบอกว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อประเทศไทยแต่คนพวกนี้ก็ไม่เคยคิด อย่างที่ผมบอกคนพวกนี้ก็คิดแบบนี้จะไปเปลี่ยนเขาก็ไม่ได้”(13 ม.ค.2562) จากนั้นเมื่อข้ามวันก็ปรากฎว่ามีปฏิกิริยาตอบโต้จาก “แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ” ที่ดูเหมือนจะเป็น “มวยถูกคู่” อย่าง “จาตุรนต์ ฉายแสง” ประธานกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) ต้องออกมาตอบโต้ผ่านเฟชบุค ว่า “ ในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยนั้นการชุมนุมแสดงความคิดเห็นย่อมเป็นสิทธิเสรีภาพ ตราบใดที่ไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร จะว่าเป็นความวุ่นวายได้อย่างไร การพูดว่าพวกนี้มีหน้าที่สร้างความวุ่นวายและมีคนสั่งให้ทำก็แสดงถึงความมีอคติ ไม่มีหลักฐานข้อเท็จจริงอะไรรองรับ เป็นการดูถูกประชาชนที่ชุมนุมคัดค้านการเลื่อนตั้งที่ไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง แต่รวมถึงคนอีกมากมายทั่วประเทศที่อยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วตามกำหนดที่ประกาศไว้” แน่นอนว่าเมื่อใดที่ “บิ๊กทหาร” ระดับผบ.ทบ. อย่างพล.อ.อภิรัชต์ ออกมาสวนหมัดกลับไปยัง ฝ่ายตรงข้ามคสช. ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการสร้างแรงกระเพื่อมในทางการเมืองได้อย่างชัดเจน ทางหนึ่งเป็นเพราะประเด็นที่ผบ.ทบ.ออกมาระบุคือการ “ชี้เป้า” ให้สังคมได้เห็นว่ามีคนบางกลุ่มในสังคมที่มีหน้าที่สร้างความวุ่นวาย และประการที่สอง เป็นเพราะ “สัญญาณ” จากพล.อ.อภิรัชต์ ในฐานะผบ.ทบ. ฝ่ายคุมกำลังและดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง มักเป็นสัญญาณที่มีความแรงชัด บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า กองทัพ “เอาจริง” กับกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวจัดอีเว้นท์เป็นรายสัปดาห์ และอาจเป็น “สัญญาณอันตราย”ที่ ฝ่ายต่อต้านควรจะเงี่ยหูฟัง !