การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า 24-25 มี.ค.68 จากนั้นจึงจะไปลงมติ โหวตไว้วางใจกันในวันที่ 26มี.ค. ตามไทม์ไลน์ที่ถูกกำหนดโดย “วิป3ฝ่าย”   แม้ศึกครั้งนี้จะนับเป็น “เดิมพัน” สำคัญสำหรับ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี และ “ครอบครัวชินวัตร” เท่านั้น ในฐานะที่มีชื่ออยู่ในญัตติซักฟอก

 เพราะอย่าลืมว่าวาระสำคัญในสภาฯ ครั้งนี้ “พรรคประชาชน” ในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้านเองถูกจับตาไม่ต่างกันว่าพวกเขาจะดำเนินสงครามครั้งสุดท้าย กันอย่างไร เมื่อ โหมโรงกันอย่างดุเดือดและเข้มข้นนำร่องไปล่วงหน้าแล้ว แต่จะจบลงด้วยฉากที่สวยงามกวาดคะแนนนิยม มีชัยเหนือ “ฝ่ายรัฐบาล” และ “พรรคเพื่อไทย” ได้มากน้อยหรือไม่

การพบกันระหว่าง พรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชนในเวทีสภาฯ ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 ครั้งนี้ย่อมถูกจับตาว่านอกเหนือไปจากการทำหน้าที่ “ตรวจสอบรัฐบาล” ฝ่ายบริหาร ในฐานะฝ่ายค้านแล้ว ยังต้องการเอาคืนด้วยหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่าทั้งเพื่อไทยและพรรคส้ม ต่างเคยประกาศจับมือร่วมกันตั้งรัฐบาลมาก่อน ก่อนที่จะเจอกับ “ดีลลับ” จนทำให้มีการล้มกระดาน แลก “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ พ่อของแพทองธาร ได้กลับประเทศไทย เมื่อเดือนส.ค.2566 ที่ผ่านมา

“รังสิมันต์ โรม”  ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน เพิ่งออกมาประกาศว่า รอบนี้รัฐบาลถึงขั้นสะเทือน เพราะข้อมูลที่มีในมืออาจจะรุนแรงมากกว่าเมื่อครั้งอภิปรายฯเรื่อง “ตั๋วช้าง” ด้วยซ้ำ   “อาจจะสะเทือนกว่าด้วยซ้ำไป เรื่องนั้นเป็นเพียงเชิงการรับรู้ แต่ครั้งนี้ในเชิงการเอาผิดทางกฎหมายชัดเจนมาก” (20 มี.ค.68)

นอกจากนี้สิ่งที่ สส.พรรคประชาชน ทิ้งปมเอาไว้ ยังน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าการเขย่ารัฐบาลด้วยข้อหา ให้ “พ่อ” ครอบงำ เพราะยังมีการเปิดเผยด้วยว่า “แหล่งข้อมูล” ที่ฝ่ายค้านได้มาครั้งนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “คนในรัฐบาล” จากพรรคร่วมรัฐบาล กับนายกฯแพทองธาร นั่นเอง !

หมายความว่า ปัญหาที่กลายเป็นปมเชิงซ้อน คือความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล ด้วยกันเองใช่หรือไม่ และย่อมแก้ไขไม่ได้ด้วยการนัดดินเนอร์ระหว่างแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล รอบแล้วรอบเล่า หรือการที่ ทักษิณ ต้องออกโรงมาส่งเสียงปรามพรรคร่วมรัฐบาล หลายต่อหลายครั้ง

อย่าลืมว่า  ในความเป็นจริงแล้ว พรรคเพื่อไทย กำลังยืนอยู่ท่ามกลางความโดดเดี่ยวและทักษิณ เองเขาเองก็ไม่ได้มีบารมีเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป การดำรงอยู่ของรัฐบาลผสม คือหนึ่งข้อตกลงของ “ดีลลับ” ต่างหาก      แต่ในขณะเดียวกัน ภายใต้ดีลลับนี้ ยังมีข้อเท็จจริงอีกด้าน ที่พรรคส้มเองก็รับรู้ไม่ต่างกันว่าพวกเขาไม่มีทางได้อยู่ในสมการด้วยเช่นกัน เพียงแต่อาจต้องมี “ส้ม”  เอาไว้เพื่อข่ม “แดง” เท่านั้น!?