ในที่สุดการหารือร่วมกันระหว่าง “วิป3ฝ่าย” ได้ข้อยุติออกมาอย่างเป็นทางแล้วว่า ศึกซักฟอกจะมีขึ้น 2 วัน ระหว่างวันที่ 24-25 มี.ค.จากนั้นให้ไปลงมติกันในวันที่ 26 มี.ค.68 นี้ 
    
โดยมติจากที่ประชุมร่วมกันคณะกรรมการประสานงานร่วม (วิป)ที่ประกอบด้วย วิปรัฐบาล , วิปฝ่ายค้าน และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อหารือเรื่องกรอบเวลาในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา 
    
โดยจะเริ่มต้นในวันที่ 24 - 26 มี.ค.นัดลงมติวันที่ 26 มี.ค.เวลาประมาณ 10.00  น.โดยกำหนดกรอบเวลาการอภิปราย แบ่งเป็น ฝ่ายค้าน 28 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล รวมกับ ครม. 7 ชั่วโมง และประธานที่ประชุม 2 ชั่วโมง หมายความว่าในห้วงตลอดทั้งสัปดาห์หน้า น้ำหนักการเมืองจะเทไปที่ศึกซักฟอกในสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะงานนี้ดูจะเป็น “ปัญหาใหญ่” สำหรับ “พรรคเพื่อไทย”ที่ต้องทำหน้าที่สนับสนุนทั้ง “องครักษ์”ไปจนถึง ข้อมูล ๆไปพร้อมกับการเปิด “แอร์วอร์” การทำสงครามชิงพื้นที่สื่อผ่านโลกออนไลน์
    
และเหนือไปกว่านั้นคือปัญหาใหญ่จะตกไปอยู่ที่คนในครอบครัวชินวัตร ไม่เฉพาะแต่ตัวนายกฯคือ “แพทองธาร ชินวัตร” ซึ่งมีชื่ออยู่ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพียงคนเดียวเท่านั้น


 เพราะเมื่อ “ฝ่ายค้าน” ยอมถอยด้วยการตัดชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ผู้เป็นพ่อนายกฯออกจากญัตติ แต่ให้เปลี่ยนไปใช้คำว่า “บุคคลในครอบครัว” แทน เท่ากับว่าเป็นการ “เปิดช่อง”ให้ ฝ่ายค้านอภิปรายถึงบุคคลอื่นในครอบครัวชินวัตรได้โดยปริยาย ไม่ว่าจะเป็นพี่ๆ ของนายกฯ หรือแม้แต่ “อาปู” คือ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ก็ย่อมไม่ได้รับการยกเว้น

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร   ตอบคำถามสื่อถึงความเป็นไปได้ การใช้ของบุคคลในครอบครัว สามารถดึงเอาญาติคนอื่นมาได้ด้วย   มีความเป็นไปได้ และมองว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ รวมถึงการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่ได้เอาผลประโยชน์ของประชาชนของประเทศเป็นตัวตั้ง แต่เอาผลประโยชน์ของบุคคลใน “ครอบครัวชินวัตร” เป็นตัวตั้ง มากกว่า 

อย่างไรก็ดี ก่อนถึงวันอภิปรายฯ24 มี.ค.นี้ แม้พรรคร่วมรัฐบาลจะมีคิวนัดรับประทานอาหารร่วมกัน ในวันที่ 21 มี.ค.ที่โรงแรมโรสวู๊ด จะด้วยเพื่อสร้างความมั่นใจว่าทุกพรรคร่วมรัฐบาล จะสนับสนุนกันในสภาฯ โดยที่ไม่มีใครปล่อยให้นายกฯอิ๊งค์ ต้องโดดเดี่ยวใช่หรือไม่ เพราะเมื่อประเมินสถานการณ์กันแล้ว จนถึงนาทีนี้ยังไม่สามารถการันตีได้ว่า  พรรคเพื่อไทยจะตั้งด่านองครักษ์พิทักษ์นายกฯและคนในครอบครัวชินวัตร ทานกำลังจาก “ฝ่ายค้าน” ที่จะมี “ฝ่ายแค้น”รอผสมโรงไหวหรือไม่ !?