สวนดุสิตโพลเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “เกมการเมืองไทย ณ วันนี้” พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ คิดว่า “เกมการเมือง” มีผลมีผลกระทบมาก เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่า “เกมการเมือง” ทำให้การเมืองไทยล้าหลังประเทศอื่นๆ

โดยนางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่าคนไทยคุ้นชินกับเกมการเมืองที่มีมานานและรับรู้ถึงโครงสร้างการเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์และการแข่งขันเชิงอำนาจ แม้หวังพึ่งการเลือกตั้งให้การเมืองเปลี่ยน แต่สุดท้ายก็ต้องเผชิญกับ “เกมการเมืองเดิม” ในรูปแบบใหม่ หมุนวนซ้ำซากทำให้สังคมติดหล่ม กลายเป็นพลวัตทางสังคมแบบปกติใหม่ที่ไม่ควรจะปกติ การจะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นมากขึ้นก็คงจะต้อง “ลดเกมการเมือง เพิ่มการทำงาน” เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับประชาชน

ผศ.ดร.เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม  หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า จากผลโพลเกี่ยวกับประเด็น “เกมการเมืองไทย” ประชาชนมองว่าการเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่นักการเมืองเมื่อเข้ามาสู่อำนาจแล้วจะเข้ามาจัดสรรผลประโยชน์เพื่อตัวเองและพวกพ้องมากกว่าการจัดสรรผลประโยชน์และกระจายผลประโยชน์ให้แก่ประชาชน โดยแท้จริงแล้วประชาชนอยากเห็นเกมการเมืองที่แต่ละพรรคแข่งขันกันในเชิงนโยบายและการแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมากกว่าเกมการเมืองที่เข้ามาช่วงชิงอำนาจ โดยการพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสกัดขั้วอำนาจทางการเมืองฝั่งตรงข้าม และพร้อมที่จะหักหลังจัดการฝ่ายเดียวกันเองเพื่อรักษาฐานอำนาจทางการเมืองของตัวเองไว้  การที่นักการเมืองมุ่งแต่จะแก้เกมทางการเมืองเพื่อต้องการกุมความได้เปรียบทางการเมืองจึงส่งผลต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม ของประเทศและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเมืองที่ประชาชนรู้สึกว่าล้าหลังและไม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้น สิ่งที่ประชาชนคาดหวังและอยากเห็นคือเกมการเมืองที่แข่งกันแก้ปัญหาด้วยนโยบายมากกว่าการแก้เกมทางการเมือง

ผลสำรวจข้างต้น เกิดขึ้นท่ามกลางบริบททางการเมืองที่กำลังมีการต่อสู้ระหว่างการเมือง 3 ก๊ก ที่พรรคเพื่อไทยต้องเผชิญศึก 2 ด้าน  ซึ่งต้องสยบศึกใน เพื่อสู้ศึกนอก หากแต่การเมืองนั้นซับซ้อน เกมอาจพลิกผัน ที่อาจบ่นทอนกำลังของศึกนอกได้ก่อน แล้วประคองศึกใน 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เกมการเมืองที่ปรากฏ นอกจากในสายตาของประชาชนจะมองว่าเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศแล้ว สิ่งที่ประจักษ์ชัดที่สุดก็คือ ไม่มีประเด็นใดที่นักการเมืองต่อสู้กันเพื่อปากท้องของประชาชนทั้งหมดทั้งมวลล้วนแต่สนองประโยชน์ของพรรคพวกพ้องตนเอง