ทำไมสถาบันการเงินของประเทศไทยต้องรอให้นักการเมืองออกมาเตือนเรื่องของการลดดอกเบี้ย วันก่อนนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ได้สั่งการให้สถาบันการเงินของรัฐ 7 แห่ง เร่งพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อลง หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาแล้ว 0.25% เมื่อวันที่ 26 ก.พ.68 แต่จนถึงขณะนี้สถาบันการเงินรัฐ ยังไม่มีประกาศลดอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด
“เวลาปรับดอกเบี้ยขึ้น ปรับเร็วมาก แต่พอปรับลด ผ่านไป 3 วันก็ยังไม่ดำเนินการ จึงได้สั่งการไปอีกครั้ง ให้เร่งปรับลดดอกเบี้ยให้ลูกค้า แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน เพื่อทำให้มีเม็ดเงินเหลือมาจับจ่ายใช้สอย ผมในฐานะประธานคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้สั่งการให้ฝ่ายบริหารไปดำเนินการแล้วเช่นกัน”นายจุลพันธ์ ระบุ
ภายหลังนายจุลพันธ์ ให้สัมภาษณ์จึงมีปฏิกิริยาจากสถาบันการเงินประกาศลดดอกเบี้ย โดยหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)มีมติ คณะกรรมการฯ มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 2.25 เป็นร้อยละ 2.00 ต่อปี โดยให้มีผลทันที ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้จากภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ถูกกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศ รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก แม้ว่าเศรษฐกิจจะได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศและการท่องเที่ยว กรรมการส่วนใหญ่เห็นควรให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปีในการประชุมครั้งนี้ เพื่อให้ภาวะการเงินสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งรองรับความเสี่ยงด้านต่ำที่ชัดเจนขึ้น ขณะที่กรรมการ 1 ท่าน เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากให้น้ำหนักมากกว่ากับการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินเพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นในระยะข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วการลดดอกเบี้ย จะทำให้ผู้ที่ได้ประโยชน์ ก็คือ ผู้จะกู้เงินจากสถาบันการเงินทั้งตัวบุคคลและภาคธุรกิจ เพราะทำให้จ่ายดอกเบี้ยที่ถูกลงกว่าเดิม
ในทางกลับกันจึงเกิดคำถามว่า การไม่ดำเนินการลดดอกเบี้ยในปัจจุบันทันด่วนของสถาบันการเงิน สร้างความเสียหายให้กับประชาชน สูญเสียโอกาสอย่างไร จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจากที่ กนง. มีมติให้มีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันผลกระทบด้านความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจจากปัจจัยการลดดอกเบี้ย ยังสะท้อนปัญหาความเชื่อมั่นทางการเมืองอีกด้วย