เสือตัวที่ 6

เดือนรอมฎอน (Ramadan) นับเป็นเดือนที่ชาวมุสลิมให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นเดือนที่ต้องถือศีลอด งดเว้นจากการบริโภคอาหารและน้ำการรับประทานอาหารในช่วงถือศีลอดของเดือนรอมฎอน งดเว้นการบริโภคอาหารและน้ำตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งพระอาทิตย์ตก รวมถึงประพฤติตนอยู่ในหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม โดยเชื่อว่าการถือศีลอดเป็นการแสดงความเคารพต่อพระเจ้า ฝึกวินัยเพื่อนำสู่ความเคร่งครัดในหลักคำสอนทางศาสนาและฝึกความอดทนเพื่อต่อสู้กับจิตใจให้ทนต่อแรงยั่วยุอันจะนำไปสู่การละเมิดคำสอนทางศาสนา รวมถึงได้รู้จักการเสียสละโดยการเป็นผู้ให้ด้วยการบริจาคและให้ทานแก่ผู้ด้อยโอกาส โดยในปีนี้ จุฬาราชมนตรี ได้ประกาศกำหนดวันดูพระจันทร์ให้วันที่ 1 เดือนรอมฎอน ฮิจเราะห์ศักราช 1446 หรือวันรอมฎอน 2568 ตรงกับวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทั้งนี้เดือนรอมฎอน 2568 นับเป็นห้วงเวลาสำคัญยิ่งของชนชาวมุสลิมที่สืบต่อกันมาเป็นเวลานานว่าเป็นเดือนแห่งความศรัทธาและความศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมทั่วโลกรวมทั้งพี่น้องชาวมุสลิมในประเทศไทยโดยเฉพาะชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ปลายด้ามขวาน

แม้เดือนรอมฎอนเป็นห้วงเวลาที่ดี ผ่านการปฏิบัติตนตามหลักการที่มุ่งความสงบความสันติสุขของมวลมนุษยชาติ ด้วยเป็นห้วงเวลาแห่งความศรัทธาและความศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมที่ต้องประพฤติตนอยู่ในหลักคำสอนของศาสนาอิสลามอย่าเคร่งครัด โดยผ่านการถือศีลอดเพื่อฝึกการละเว้นได้ในสิ่งที่จิตใจต้องการในเรื่องที่ทำได้ยากกล่าวคือการอดอาหารและน้ำในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกโดยถือเป็นการแสดงความเคารพด้วยศรัทธายิ่งต่อพระเจ้า ทั้งนี้หลักคำสอนสำคัญของอิสลามก็คือการรักเพื่อนมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใด การให้อภัยและการมุ่งความสงบสันติในการดำเนินชีวิต หากแต่กลุ่มคนในขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐในพื้นที่ปลายด้ามขวาน ได้พยายามบิดเบือนหลักคำสอนทางศาสนา โดยเฉพาะประเด็นการชี้นำให้กลุ่มประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้เกิดความรู้สึกร่วมในการต่อต้านรัฐให้ไปสู่การต่อสู้กับรัฐผู้รุกราน โดยแอบอ้างหลักการไปสู่สงครามญีฮาดที่พยายามบิดเบือนตีความคำว่าญีฮาดให้เป็นประโยชน์ในปลุกระดมบ่มเพาะมวลชนในพื้นที่ให้ร่วมกันต่อสู้เพื่อแยกการปกครองจากรัฐ ทั้งที่โอวาทหรือการปฏิบัติตนของมุฮัมมัด ได้ให้ความหมายของญีฮาดในการต่อสู้เพื่อทำให้จิตใจของตนบริสุทธิ์ เช่นกล่าวว่าการรบในสมรภูมิเพื่อศาสนาเป็นญีฮาดเล็ก การต่อสู้กับความอ่อนแอของตนคือญีฮาดใหญ่ และญีฮาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการพูดความจริงต่อหน้าผู้กดขี่

ในความหมายของญีฮาดหมายถึงการใช้กำลังความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ทุกด้าน การเคลื่อนไปยังเป้าหมายข้างหน้าด้วยกำลังและความเข้มแข็งทั้งหมดและต่อสู้กับความยากลำบากทุกอย่าง ดังนั้น เมื่อตีความแล้ว การตื่นแต่เช้าและเบียดเสียดยัดเยียดขึ้นรถเมล์เพื่อทำงานเลี้ยงตัวเองและสมาชิกในครอบครัว ก็ถือเป็นการญีฮาดอย่างหนึ่ง การพยายามแสวงหาความรู้อย่างหนักเพื่อความสำเร็จในชีวิตของตัวเองและเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของพ่อแม่ก็เป็นญีฮาดอย่างหนึ่ง การพยายามหักห้ามใจตัวเองให้ออกห่างจากการติดยาเสพติดและจากการทำความชั่วหรือสิ่งเลวทรามทั้งปวง ก็ถือเป็นการญีฮาดอย่างหนึ่ง ทำให้เห็นว่าญีฮาดจึงไม่จำเป็นต้องหมายถึงการจับอาวุธขึ้นต่อสู้เสมอไปอย่างที่เข้าใจกัน เพราะถ้าหากญีฮาดหมายถึงการต่อสู้ด้วยอาวุธในสถานการณ์สงคราม แม้ไม่มีสถานการณ์สงคราม ก็หมายความว่ามุสลิมไม่สามารถทำการญีฮาดได้ เหล่านี้เองที่กลุ่มแกนนำและกลุ่มคนหัวสุดโต่งในพื้นที่ปลายด้ามขวานจึงพยายามกล่าวอ้างให้เห็นว่าในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้กำลังอยู่ในสถานการณ์สงครามที่มวลชนชาวมลายูปัตตานีต้องลุกขึ้นร่วมกันต่อสู้กับสยามผู้รุกราน โดยพยายามก่อเหตุร้ายเพื่อหล่อเลี้ยงสถานการณ์ความรุนแรงอย่างต่อเนื่องตามห้วงเวลา

การสร้างสำนึกและความเชื่อให้มวลชนในพื้นที่เห็นว่าในพื้นที่แห่งนี้เป็นสงครามที่พวกเขากำลังต่อสู้กับรัฐผู้รุกรานให้หลุดพ้นจากการถูกกดขี่จากรัฐผู้รุกรานด้วยการพยายามสลายชาติพันธุ์อันยิ่งใหญ่ของพวกเขาจากบรรพชนที่สืบต่อกันมา เป็นหน้าที่ของมวลชนในพื้นที่ทุกคนที่ต้องร่วมกันต่อสู้ผ่านคำว่าทำสงครามญีฮาดที่ตีความอย่างบิดเบือนสู่ประโยชน์ในการปลุกระดมบ่มเพาะหล่อเลี้ยงสร้างผู้คนร่วมอุดมการณ์ชาตินิยมหนุนส่งให้ขบวนการร้ายแห่งนี้คงมีพลังในการต่อสู้กับรัฐตราบนานเท่านาน ด้วยการสร้างสำนึกร่วมให้เกิดความเชื่อความศรัทธาในชาติพันธุ์ของตนเอง ที่ต้องลุกขึ้นสู้ทำสงครามญีฮาดอันเป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องร่วมกันต่อสู้กับผู้รุกรานกดขี่ เพื่อดำรงรักษาไว้ซึ่งชาติพันธุ์อันยิ่งใหญ่ของบรรพชน และนั่นคือความพยายามในการต่อต้านแนวคิดของรัฐผ่านวาทกรรมคำว่าพหุวัฒนธรรมที่หมายถึงการอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขท่ามกลางความแตกต่างทางความเชื่อและชาติพันธุ์ ซึ่งขบวนการร้ายแห่งนี้ต่อต้านแนวคิดพหุวัฒนธรรมของรัฐด้วยการมุ่งบ่มเพาะแนวคิดอัตลักษณ์ชาติพันธุ์เฉพาะถิ่นในพื้นที่เพื่อสร้างอุดมการณ์ชาตินิยมต่อกลุ่มเป้าหมายตลอดมา ผ่านวิถีปฏิบัติตามหลักศาสนาอิสลาม สร้างอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นเพื่อมุ่งสร้างความเป็นพวกเดียวกันของคนในพื้นที่แห่งนี้ ผ่านการใช้วิถีทางศาสนาพร้อมหล่อหลอมกล่อมเกลาชาติพันธุ์มลายูมุสลิมสู่อุดมการณ์ชาตินิยมที่ต้องต่อสู้กับผู้รุกรานเพื่อรักษาไว้ซึ่งชาติพันธุ์อันยิ่งใหญ่ เดือนรอมฎอน 2568 นี้ จึงเป็นอีกห้วงเวลาหนึ่งที่ขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐกลุ่มนี้จะใช้เป็นข้ออ้างในการปลุกระดมเพิ่มกระแสชาติพันธุ์สู่ชาตินิยมในการต่อสู้กับรัฐอย่างเข้มข้น