แทบจะไปกันต่อไม่เป็น กันเลยเมื่อวันนี้บรรดา “นักเลือกตั้ง” จากทุกขั้ว ทุกพรรคการเมืองยังไม่มีใครรู้ว่า “วันเลือกตั้ง” จะมีขึ้นเมื่อใด หลังจากที่มีสัญญาณส่อแววว่าจะต้อง “ขยับ” กันออกไปจากเดิมที่วางกันเอาไว้ในวันที่ 24 ก.พ.นี้
เมื่อวัน ว.เวลา น.ขยับ ก็ย่อมจะต้องส่งผลทำให้ “แผนการเล่น”ที่ทุกขั้ว ทุกป้อมค่ายวางกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ ต้องถึงคราวปรับโหมด ปรับเปลี่ยนตามไปด้วย
แกนนำจากแทบทุกพรรค ต่างพากันต้องทบทวน ถึงเกมการเล่นใหม่ เพื่อให้ทุกอย่างเดินไปสู่จุดที่ได้เปรียบมากที่สุด ทั้งการกวาดคะแนนนิยม ไปจนถึงการใช้ “กระสุน” การใช้ เสบียง ที่มีอยู่นั้นจะบริหารจัดการกันอย่างไร จึงจะทำให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
วันนี้มีความชัดเจนเพียงข้อเดียว นั่นคือวันที่ 24 ก.พ.ไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแน่นอน แต่จะขยับไปได้จนถึงเดือนมี.ค. หรือทุกอย่างจะต้องเสร็จสิ้นตามกรอบระยะเวลาก่อน วันที่ 9 พ.ค. ตามที่ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ “มือกฎหมายรัฐบาล” ระบุเอาไว้ว่าจะเป็นช่วงที่ปลอดภัยที่สุด
การเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปเช่นนี้ กำลังกลายเป็น “เงื่อนไข” ที่ฝ่ายตรงข้ามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่าง “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” นำมาใช้ในการเคลื่อนไหวเพื่อคัดค้าน และต่อต้านคสช.ไปในคราวเดียวกัน ประกอบกับการ “จุดกระแส” ปลุกผู้คนในโลกโซเชี่ยล จนถึงวันนี้ต้องยอมรับว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กำลังจะกลายเป็น “หน่วยจรยุทธ์” ที่ทำงานได้ผล ไม่น้อย
เนื่องจากพบว่ามีการชุมนุม เคลื่อนไหวต่อต้านการเลื่อนเลือกตั้งกันอย่างคึกคักทั้งในกทม.ย่านราชประสงค์ นำโดย “จ่านิว” สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ลุกลามไปจนถึงต่างจังหวัด ที่บริเวณหน้าเทศบาลบันเทิง ริมถนนสุขุมวิท ต.ท่าประดู่ ในจ.ระยอง ภายในวันเดียวกัน คือวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา
แน่นอนว่าการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัดนั้น จากนี้ไปจะกลายเป็น “กระแส” ที่สุ่มเสี่ยงต่อการ “จุดติด” ในท่ามกลางการที่พรรคการเมือง แทบทุกพรรคกำลังสาละวน วุ่นวายอยู่กับการจัดทัพใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงวันเลือกตั้ง ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป จนมีข่าวลือว่า จะมีการเลือกตั้งหรือไม่ ก็ยังไม่มีใครตอบได้
แต่ทั้งนี้แม้การเคลื่อนไหวของม็อบคนอยากเลือกตั้ง จะปลุกกระแสคัดค้านการเลื่อนเลือกตั้ง เพื่อหวังกดดันและท้าทาย คสช.ไปในคราวเดียวกันก็ตาม แต่ยังไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงหรือจะถึงขั้นชี้วัดผล “แพ้-ชนะ” ให้กับพรรคเพื่อไทย และ พลังประชารัฐ ในฐานะพรรคสนับสนุนคสช.ได้อย่างแน่นอน เพราะที่สุดแล้ว เกมการต่อสู้จะวนกลับไปสู่สมรภูมิในสนามเลือกตั้ง วัดกันที่ ตัวเลขส.ส.ว่าพรรคใดจะพาลูกทีมฝ่าด่านเข้าสภาผู้แทนราษฎรได้มากที่สุด
ดังนั้นเมื่อเกมการต่อสู้มีแนวโน้มว่าจะยืนระยะยาว ออกไปเช่นนี้ สิ่งที่พรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ และพรรคเพื่อชาติ ที่เพิ่งทำผลงานประกาศ “พาทักษิณ กลับบ้าน” จนเกิดเป็นกระแสร้อนไปทุกทิศ จึงต้องประเมิน ทรัพยากรที่มีอยู่ในมือ ว่าจะเปิดก๊อกกันให้เต็มที่ ในเวลานี้หรือว่าจะเก็บ กักกันเอาไว้เพื่อรอจังหวะ “เล่นใหญ่” ในวันหน้า
วันนี้ เชื่อเถอะว่า “กุนซือ” แต่ละพรรคต้องประเมินแล้วว่า ถึงเวลาจะเท “กระสุน” หว่านลงไปแล้วหรือยัง เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะกลายเป็นเรือง “เสียเปล่า” เพราะยิ่งรบยืดเยื้อ ทั้ง “กระแส” และ “กระสุน” ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ !