“มาแล้วยังดีกว่ามาช้า มาช้ายังดีกว่าไม่มา”ท่อนแรกเพลงฮิตยุค 90 น่าจะเข้ากับปฏิบัติการกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ที่ดูเหมือนว่าจะผลิดอกออกผลมาด้วยการขานรับของผู้นำชนกลุ่มน้อยและการส่งบรรดาผู้ที่ไปทำงานที่มีทั้งตั้งใจไปหลอกและถูกหลอกไปเป็นเหยื่อ
แม้จะมีเสียงวิจารณ์ต่างๆ ต่อรัฐบาลทำนองว่า “ลูบหน้าปะจมูก” หรือ “แก้ผ้าเอาหน้ารอด” หรือบางส่วนไปอวยรัฐบาลจีน
แต่นานวันเข้ากลับพบว่า มาตรการตัดไฟ ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต และงดส่งน้ำมันไปที่ชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุดที่เป็นเมืองของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น เป็นมาตรการกดดันที่เห็นผลอย่างปฏิเสธไม่ได้
ในมุมมของประชาชนจริงๆ จากผลสำรวจความคิดเห็นของ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เรื่อง “War on Scam Gang” เขาไปสำรวจประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับมาตรการของรัฐบาลในการจัดการกับปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ที่มีฐานในเมียนมา
จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อมาตรการของรัฐบาลในการตัดไฟ ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตและระงับการส่งออกน้ำมัน เพื่อจัดการปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ในเมียนมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 70.54 ระบุว่า เห็นด้วยมาก รองลงมา ร้อยละ 21.07 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 5.34 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 3.05 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย
ด้านมาตรการของรัฐบาลในการตัดไฟ ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต และระงับการส่งออกน้ำมันกับการช่วยแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ในเมียนมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 60.92 ระบุว่า ช่วยแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง รองลงมา ร้อยละ 17.71 ระบุว่า ช่วยแก้ไขปัญหาได้มาก ร้อยละ 15.95 ระบุว่า ช่วยแก้ไขปัญหาได้น้อยมาก และร้อยละ 5.42 ระบุว่า ไม่ช่วยแก้ไขปัญหาอะไรเลย
ในผลสำรวจ ข้อที่ถามว่าการมีส่วนเกี่ยวข้องหรือการสนับสนุนแก๊งคอลเซนเตอร์ในเมียนมาจากเจ้าหน้าที่รัฐของไทยบางคนพบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 69.85 ระบุว่า มีแน่นอน รองลงมา ร้อยละ 26.87 ระบุว่า ไม่แน่ใจ และร้อยละ 3.28 ระบุว่า ไม่มี
และ ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับผู้ที่ทำงานในแก๊งคอลเซนเตอร์ในเมียนมาถูกหลอกหรือสมัครใจมากกว่ากัน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 49.77 ระบุว่า น่าจะมีจำนวนพอ ๆ กันทั้งคนที่ถูกหลอกและเต็มใจไปทำงาน รองลงมา ร้อยละ 25.80 ระบุว่า ส่วนใหญ่ไปทำงานด้วยความเต็มใจ ร้อยละ 20.38 ระบุว่า ส่วนใหญ่ถูกหลอกไปทำงาน และร้อยละ 4.05 ระบุว่า ไม่แน่ใจ
อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่าจากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน น่าจะเป็นแรงสนับสนุนรัฐบาลในการดำเนินการมาตรการดังกล่าว หากจะต้องมีมาตรการระยะปานกลางและระยะยาวต่อไปในอนาคต ไม่ให้ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์”ที่เหมือนโดนฉีดยาสลบฟื้นคืนกลับมาหลอกหลอนคนไทยและนานาชาติได้อีก รวมทั้งยุทธศาสตร์ในการจัดการปัญหาในชายแดนฝั่งกัมพูชา หรือทางฝั่งเวียดนามที่เริ่มมีปัญหาดังกล่าวก็รอเปิดฉากต่อไป สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร