เสรี พงศ์พิศ

Fb Seri Phogphit

การมาของเอไอเปรียบได้กับไฟฟ้าเมื่อสองร้อยปีก่อน ที่ปฏิวัติโลกแบบก้าวกระโดดเหมือนกัน เพียงแต่เอไออาจจะพัฒนาไวกว่าจนคนส่วนใหญ่ตามไม่ทัน เพราะเร็วแรงแบบพลิกโลก

การมาของเอไอทำให้คนตกงาน เพราะเอไอทำแทนได้ ไม่ใช่แต่งานที่ใช้แรง งานใช้สมอง เอไอก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ  แต่ในดีมีเสีย ในเสียมีดี เอไอทำให้เกิดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีวิตความเป็นอยู่สะดวกสบายมากขึ้น การทำงานหลายอย่างเบาลง แต่มีคำถามว่า คนมีความสุขมากขึ้นจริงหรือ

บทเรียนจากอดีต เทคโนโลยีไม่ได้ทำลายวงการอาชีพเก่า แต่ทำให้เกิดอาชีพใหม่เปลี่ยนแปลงบทบาทและกระบวนการทำงาน คนที่ปรับตัวเร็ว ใช้เอไอเป็นเครื่องมือเสริม และโฟกัสไปที่งานสร้างสรรค์ จะอยู่รอดและเติบโตได้ ในขณะที่ผู้ที่ยึดติดกับรูปแบบเดิมอาจพบความยากลำบากมากขึ้น ตกงาน หางานใหม่ไม่ได้

ปัจจัยสำคัญ คือ "การอยู่ร่วมกัน" และหาความสมดุลระหว่างเอไอกับจิตวิญญาณของมนุษย์ เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเสมอมา และคนในอดีตหรือปัจจุบันก็ไม่ได้แตกต่างกัน ถ้าปรับตัวไม่ได้ ไม่มี “ความสมดุล” ในชีวิต ในสังคม ก็เกิดความทุกข์มากกว่าความสุข

จากประวัติศาสตร์ของตะวันตกที่ “บูชาเหตุผล” ตั้งแต่กรีกจนถึง “เหตุผลนิยมสูงสุด” ในศตวรรษที่ 17-18  จนเกิดปฏิวัติวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม จนเกิด “โรแมนติกนิยม”

ยุคนี้ อาจมี "นีโอ-โรแมนติกนิยม" (Neo-Romanticism) ที่เกิดขึ้นเพื่อต่อต้านวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ คล้ายกับที่โรแมนติกนิยม (Romanticism) เคยเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้แนวคิดเหตุผลนิยมและการปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 18-19

ในยุคนั้น เกิดปฏิกิริยาต่อต้านการให้ความสำคัญกับเหตุผลและวิทยาศาสตร์มากเกินไป โดยฟื้นฟูแนวคิดเรื่องอารมณ์ ความรู้สึก จิตวิญญาณ และความเป็นปัจเจกบุคคล ให้กลับมาเป็นศูนย์กลางของศิลปะและวัฒนธรรม  หนึ่งในคำหลักของยุค คือ “ไฟปรารถนา” (passion) หรือ “ใจรัก” ซึ่ง “เหตุผล” มองข้าม

ยุคนี้ที่ดูเหมือนกำลังเกิดลัทธิ “บูชาเอไอ” จนเกิดขบวนการต่อต้านขึ้นอีกครั้งหนึ่งในลักษณะที่คล้ายกัน เพราะมนุษย์ต้องการยืนยัน "ไฟปรารถนาและความเป็นปัจเจกบุคคล" (passion & individualism)

เมื่อเอไอสามารถสร้างงานศิลปะ ดนตรี และวรรณกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจเกิดความต้องการที่จะสร้างผลงานที่ "ลึกซึ้ง" และ "เป็นมนุษย์" อย่างแท้จริง ที่เป็นผลงานของ “ใจรัก” (passion) เพราะ “หัวใจมีเหตุผลที่เหตุผลไม่รู้จัก” (ปัสกาล)

ผู้คนอาจมองหางานศิลปะที่สะท้อนอารมณ์ที่แท้จริง มากกว่าผลงานที่สร้างโดยอัลกอริธึม ปฏิเสธความเป็นเครื่องจักรและระบบอัตโนมัติ เช่นเดียวกับศตวรรษที่ 19 ที่โรแมนติกนิยมเติบโตขึ้นเพื่อต่อต้านอุตสาหกรรมที่ “ว่างเปล่า-ไร้วิญญาณ” ผลิตสิ่งของ “สำเร็จรูป” เป็นมวลเป็นหมู่ ไร้อัตลักษณ์และความเป็นปัจเจก

"วัฒนธรรมเอไอ" ทำให้ทุกอย่างเป็นอัตโนมัติ ในยุคที่โลกเต็มไปด้วยสิ่งเทียมข้อมูลเท็จดิจิทัล มนุษย์อยากคืนสู่ธรรมชาติ แสวงหาความหมายในธรรมชาติ ความเร้นลับรหัสนัย สิ่งที่เอไอไม่สามารถเข้าใจได้

ความเชื่อทางจิตวิญญาณและแนวคิดเรื่อง "ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผล" อาจกลับมาได้รับความนิยม คนจะเริ่มหา “งานสร้างโดยมนุษย์” ที่มีคุณค่าเหนือการสร้างโดยเอไอ

ไปศึกษาศิลปะวรรณกรรมในยุคโรแมนติก ดูภาพวาดธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ของ Caspar David Friedrich เพื่อสะท้อนความรู้สึก "ซาบซึ้งในสิ่งที่เกินกว่ามนุษย์จะควบคุมได้" บทกวีและผลงานอันยิ่งใหญ่ของชิลเลอร์, เกอเต้ และดนตรีซิมโฟนีสุดอลังการของเบโธเฟน ที่สะท้อนจิตวิญญาณเสรีที่อยู่เหนือความแข็งกระด้างของ “เครื่องจักรอุตสาหกรรม” เหมือนวันนี้ที่ศิลปิน นักคิด นักเขียนหลายคนกำลังสะท้อนต่อเอไอ

ความสุขของคนยุคนี้คืออะไร จะรู้สึกความหมายในชีวิตโดยไม่ต้องทำงานหรือ ในอดีต การทำงานเป็นสิ่งที่ให้คุณค่าและจุดมุ่งหมายแก่มนุษย์ ถ้าเอไอแทนที่งานทั้งหมด คนจะรู้สึกสูญเสียความหมาย

แม้เอไออาจสร้างประสบการณ์ที่เหมาะกับแต่ละบุคคลได้ เช่น ดนตรีเฉพาะตัว คู่สนทนาเอไอหรือโลกเสมือนจริงที่ตรงใจ แต่หากทุกอย่างถูกปรับแต่งจนสมบูรณ์แบบคนจะยังต้องการเผชิญ "โลกแห่งความเป็นจริง"

"ความสุข" อาจหมายถึง "การควบคุมเอไอแทนที่จะถูกเอไอควบคุม" คนที่สามารถเข้าใจ ใช้ประโยชน์ และสร้างสรรค์ด้วยเอไอ อาจเป็นกลุ่มที่มีความสุขมากที่สุด ผู้ที่ไม่พึ่งพาเอไอมากเกินไป แต่ใช้เป็น "เครื่องมือ" อาจพบความหมายในชีวิตมากกว่าผู้ที่พึ่งพาเอไอในทุกด้าน

"ความสุข" อาจหมายถึง "การเชื่อมโยงกับความเป็นจริง" หากเอไอครอบงำทุกอย่าง ผู้คนอาจเริ่มมองหา ความเป็นธรรมชาติและความจริงแท้ ในศิลปะที่สร้างโดยมนุษย์ ที่อาจทำให้มีความสุขมากขึ้น การทำ “ดีท็อกซ์ดิจิทัล” (Digital Detox การเลิกใช้เทคโนโลยีเป็นระยะ) อาจแพร่หลายกลายเป็นความจำเป็นเพื่อ “สุขภาพจิต”

"ความสุข" อาจหมายถึง "การค้นหาความหมายของชีวิต" หากเอไอตอบคำถามทุกอย่างแทนมนุษย์ คนจะต้องมองหาสิ่งที่เอไอไม่สามารถตอบได้ เช่น ความรัก ความเร้นลับรหัสนัยของจักรวาล ความงามทางศิลปะ

เราอาจเห็นการกลับมาของปรัชญาและศิลปะเชิงลึก ที่เกิดจากจิตวิญญาณเสรีที่ไม่อาจถูกจำกัดโดยเอไอ

เอไอจะทำให้มนุษย์มีความสุขขึ้นหรือไม่ อยู่ที่การใช้ ถ้าใช้อย่างชาญฉลาด เอไออาจช่วยให้มนุษย์มีเวลาพัฒนาตนเองและทำสิ่งที่รัก แต่ถ้าใช้อย่างไร้การควบคุม เอไออาจทำให้เกิดความแปลกแยก การพึ่งพา และวิกฤตทางอัตลักษณ์ จึงอยู่ที่ว่า เราจะเลือกใช้เอไออย่างไร