หลังจากสิงคโปร์โมเดล ได้ประกาศให้ธนาคารและบริษัทโทรคมนาคมคุ้มครองลูกค้า โดยต้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายด้วย จากปัญหาอาชญากรรมออนไลน์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดคณะรัฐมนตรีของไทย ได้ให้ความเห็นชอบร่างเสนอแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอ เนื่องจากพ.ร.ก. ฉบับเดิม พ.ศ.2566 ยังขาดอำนาจหน้าที่ และการกำหนดโทษ หลายๆ ประเด็นโดยเฉพาะอำนาจการดำเนินการกับบัญชีม้าบนแพลตฟอร์ม P2P, อำนาจการคืนเงินให้กับประชาชน, และการรับผิดร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
สำหรับสาระสำคัญของพ.ร.ก.ฉบับนี้ มีดังนี้
1. เพิ่มหน้าที่ให้สำนักงาน กสทช. หรือผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือมีหน้าที่สั่งระงับการให้บริการเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์มือถือเป็นการชั่วคราว เมื่อพบเหตุอันควรสงสัยเอง หรือได้รับข้อมูลว่ามีเลขหมายโทรศัพท์มือถือต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (การระงับซิมม้าหรือซิมที่ต้องสงสัยในการกระทำความผิด)
2. ห้ามการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์ม Peer-to-Peer Lending (P2P) โดยห้ามให้บริการหรือแสดงว่าพร้อมจะให้บริการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทคริปโทเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ที่มิได้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการอุปโภคบริโภค (การซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างผิดกฎหมาย) และให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลมีหน้าที่ปฏิเสธการเปิดบัญชีและระงับการให้บริการหรือการทำธุรกรรมกับลูกค้าที่มีรายชื่อหรือใช้กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ลดปัญหาการฟอกเงินโดยนำมาเปลี่ยนเป็นเงินสกุลดิจิทัล)
3. กำหนดขั้นตอนหรือกระบวนการพิจารณาโดยเฉพาะให้คณะกรรมการธุรกรรมเพื่อคืนเงินแก่ผู้เสียหาย โดยให้อำนาจแก่คณะกรรมการธุรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นผู้พิจารณาคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายโดยไม่ต้องรอให้มีการยื่นฟ้องคดีต่อศาลเพื่อพิจารณามีคำสั่งถึงที่สุดก่อน อันเป็นการทำให้ขั้นตอนกระบวนพิจารณาการคืนเงินแก่ผู้เสียหายเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น
4. เพิ่มเติมบทกำหนดโทษสำหรับการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในกรณี โดยกำหนดโทษสำหรับผู้ให้บริการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทคริปโทเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัล และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่นำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดออนไลน์มาฟอกเงิน โดยนำมาเปลี่ยนเป็นเงินสกุลดิจิทัล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กำหนดโทษสำหรับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กำหนดโทษสำหรับผู้ซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ให้สถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือสื่อสังคมออนไลน์ มีส่วนรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ทั้งนี้คาดหวังว่าทั้งการเพิ่มโทษและการเร่งคืนเงินเยียวยาให้กับประชาชนจะช่วยให้การแก้ไขปัญหากแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีทิศทางที่ดีขึ้น ควบคู่ไปกับมาตรการในการปราบปรามและตัดสะพานโจรอย่างเด็ดขาดจริงจังไม่ลูบหน้าปะจมูก