การเลือกตั้งสมาชิกและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จบลงไปเมื่อวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.68  ทว่า ศึกใหญ่ คือการเลือกตั้งสส. คือ ภารกิจใหญ่ ที่รออยู่ข้างหน้าอีก 2ปี หากรัฐบาล แพทองธาร อยู่ได้จนครบเทอม ปิดฉากบนเวทีไปตามวาระปกติ 


 ดังนั้นเมื่อการเมืองสนามเล็ก คือการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด ยุติลงแล้ว  ภาคต่อของนักการเมือง อาจกำลังเริ่มต้นใหม่ เพราะอย่าลืมว่าผลแพ้ชนะ ในการเลือกตั้งนายกอบจ.ทั้ง 47 จังหวัดรอบนี้คือภาพสะท้อนให้ทุกพรรคได้เห็นถึงจุดอ่อน จุดแข็งทั้งของตัวเอง และ คู่แข่งแล้วว่าหากหวังจะได้สส.ตามเป้าที่ตั้งเอาไว้ จะต้องเดินเกมกันต่อไปอย่างไร 


 ผลการเลือกตั้งปรากฏออกมาอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อหลังการปิดหีบเลือกตั้ง และดูเหมือนว่ากลางดึก ก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 1 ก.พ.68 จะมีความชัดเจนแล้วว่า ใครคือผู้ชนะ และใครกลายเป็นผู้แพ้ รวมทั้ง บ้านใหญ่ ในจังหวัดใด ไม่อาจรักษาที่นั่งเอาไว้ได้อีกต่อไป 


 พรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคใหญ่ พรรคแกนนำรัฐบาลกวาดนายกอบจ. 10 จังหวัด พรรคภูใจไทย ได้9 จังหวัด พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ 3 พรรคชาติไทยพัฒนา 2 ที่  พรรคประชาชาติ 2 ที่ พรรคกล้าธรรม ได้ 1 ที่ พรรคประชาชน ได้มา 1ที่นั่ง แต่เป็น 1ที่นั่งที่สามารถล้มพรรคเพื่อไทยลงได้ 


 จากสถิติที่ปรากฏแช่นนี้ ดูเหมือนจะเป็นการสะท้อนให้เห็นได้ว่า แม้พรรคเพื่อไทย จะมี ทักษิณ ชินวัตร ลงไปเล่นเอง ในฐานะผู้เล่นหลัก เดินสายหาเสียง บวกกับการชูนโยบายรัฐบาล ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ผสมกับการเล่นเกมแรง ในช่วงโค้งสุดท้าย เหมือนกับว่าท้ารบกับทุกคน แต่กลับทำมาได้เพียง 10 นั่งจากทั้งหมดที่ส่งผู้สมัครลงไปชิง 16 จังหวัด 


 ขณะที่พรรคภูมิใจไทยเอง  ครูใหญ่เนวิน ไม่ได้ลงมาเดินสาย เช่นเดียวกับที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรค ไม่ได้ปรากฎตัวช่วยลูกพรรคหาเสียงที่ผ่านมาแต่อย่างใด แต่ยังสามารถทำไปได้ 9 ที่นั่ง อีกทั้งยังรักษาพื้นที่หลักๆ อย่างศรีสะเกษ เอาไว้ได้ ประกาศอานุภาพ ของพรรคสีน้ำเงิน ชัดเจน 


 การเลือกตั้งสส.ยังไม่เกิดขึ้นในวันนี้ พรุ่งนี้ แต่ดูเหมือนว่า พรรคเพื่อไทยเองไม่สามารถรอช้าได้อีกต่อไป เพราะการเทกำลังทั้งทักษิณ และนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ลงไปเต็มตัวเช่นนี้ แต่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ยังไม่สามารถเก็บกวาดมาได้จนหมด !