ปี 2562 เป็นปีที่ประชาชนชาวไทยต้องร่วมมือร่วมใจ สร้างบรรยากาศความรักความสามัคคีปรองดอง
ในปี พ.ศ.ใหม่ ต้องคิดใหม่
ทั้งนี้การเริ่มต้นใหม่ได้ จิตใจต้องให้อภัยแก่กันเสียก่อน ไม่เช่นนั้น ประเทศก็จะอยู่ในวังวนความขัดแย้งไม่จบสิ้น
ในที่นี้ ขออันเชิญพระนิพนธ์ใน สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ตอนหนึ่งมาเผยแพร่ ชื่อว่า "ให้อภัยไม่ผูกเวร เป็นวิธีตัดกรรม" ความว่า
"พระสำคัญองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นพระดีพระสำคัญยิ่งคือ สมเด็จพระพุฒจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม
มีเรื่องเล่าถึงท่านว่า ครั้งหนึ่งพระในวัดของท่านตีเพื่อนพระด้วยกันจนหัวแตก ท่านชำระความด้วยการบอกพระที่เป็นเจ้าทุกข์ว่าเป็นฝ่ายผิด เพราะเป็นผู้ทำเขาก่อน
เมื่อเป็นที่พิศวงสงสัยที่ท่านตัดสินเช่นนี้ ท่านก็อธิบายว่า พระองค์ที่ถูกตีหัวแตกในชาตินี้ ต้องตีพระอีกองค์มาก่อน ไม่ในชาติใด ก็ชาติหนึ่ง ถ้าจะให้รับโทษที่ทำในชาตินี้ ก็จะไม่สิ้นสุดเวรกรรม ถ้าไม่ถือโทษความผิดในชาตินี้ ก็จะเป็นอันเลิกแล้วต่อกัน
ท่านได้ถามความสมัครใจของพระองค์ที่ถูกตีหัวแตกว่า ต้องการอย่างไร พระองค์นั้นก็ยินดียกโทษ ไม่เอาความ เป็นอันเลิกแล้วต่อกัน ท่านว่าจะได้ไม่จองเวรกันต่อไป
เรื่องนี้ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ท่านสอนเรื่องกรรม และการให้ผลของกรรม ให้เห็นว่า เมื่อทำกรรมใดแล้ว จักต้องได้รับผลตอบแทนแน่ แม้ข้ามภพข้ามชาติ
ทำกรรมใด จักได้รับผลนั้น ผู้ใดทำ ผู้นั้นจักได้รับ ไม้ช้าก็เร็วต้องได้รับ และจะไม่จบสิ้น ถ้าไม่มีการเลิกผูกเวร แต่ถ้าเลิกผูกเวร ก็จะจบสิ้นเพียงนั้น การให้อภัยด้วยใจจริง ในความผิดของผู้อื่นที่ทำต่อตน จึงเป็นความสำคัญ เป็นสิ่งที่ควรอบรมให้ยิ่ง"
เราเชื่อว่า หากให้อภัย ไม่ผูกเวรต่อกันแล้ว ความสามัคคีปรองดองก็มิโอกาสเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน