จารีตประเพณีจีนในราชสำนักไทย ตามธรรมเนียมการเซ่นไหวบูชาป้ายบรรพบุรุษ ในวันตรุษจีนนั้น มีมาแต่สมัยรัชกาลที่ 5 คือพระราชพิธีสังเวยพระป้าย ดังที่มีการค้นคว้าและเรียบเรียงโดย วสันต์ ญาติพัฒ ภัณฑารักษ์ พิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติ พระนครคีรี จากเรื่อง “เทศกาลตรุษจีน ตอนที่ 2 จากเลี้ยงพระตรุษจีน สู่พระราชพิธีสังเวยพระป้าย

ดังจะขอหยิบยกบางช่วงบางตอนมานำเสนอดังนี้ “พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างพระราชวังดุสิตขึ้นในพุทธศักราช 2441  โปรดให้สร้างพระที่นั่งที่ประทับ ตลอดจนตำหนักของพระมเหสี พระเจ้าลูกเธอ เจ้าจอมมารดา และพระราชวงศ์บางพระองค์ในบริเวณดังกล่าว ถึงพุทธศักราช 2449  เมื่อพระที่นั่งอัมพรสถานแล้วเสร็จ จึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญ “พระป้าย” และพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มาประดิษฐานไว้ ด้วยเหตุว่า

...ในเวลาที่เสด็จมาประทับอยู่วังสวนดุสิตยังไม่มีสิ่งที่จะเปนที่ทรงนมัสการรลึกถึงพระเดชพระคุณ...โปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงวังเชิญพระป้ายจากพระที่นั่งมหิศรปราสาทมาประดิษฐาน ณ ห้องพระพุทธนรสีห์ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 1 มีนาคม รัตนโกสินทรศก 125 (พุทธศักราช 2449)

 พระป้ายที่พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิตมีลักษณะพิเศษ คือ ประกอบด้วยพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องกษัตริยาธิราชพระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายจีบเสมอพระอุระ เหมือนกับรูปพระสยามเทวาธิราช แต่พระพักตร์เหมือนพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานในซุ้มเรือนแก้วแบบเก๋งจีน ทำด้วยไม้จันทน์ และมีพระป้าย เป็นแผ่นไม้จำหลักลายปิดทองมีจารึกพระปรมาภิไธยภาษาจีน อยู่หลังพระบรมรูป มีฉัตรทอง ๕ ชั้น ตั้งเบื้องซ้ายและเบื้องขวาของพระบรมรูปด้วย     

จากหลักฐานข้างต้น แสดงให้เห็นว่า เมื่อถึงรัชกาลที่ 5 การพระราชกุศลตรุษจีน ที่ปฏิบัติสืบมาตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ 3 ได้มีพิธี “สังเวยพระป้าย” เข้ามาเพิ่มเติม อันเนื่องมาจากมีการสร้าง “พระป้าย” พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้นต่อมาเมื่อมีการสร้างพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระป้ายสำหรับประดิษฐานไว้ ณ ที่นั้นด้วย สันนิษฐานว่าพระราชพิธีสังเวยพระป้าย จะเริ่มมีมาตั้งแต่คราวนั้น ขณะที่การพระราชกุศลเลี้ยงพระตรุษจีนนั้นในช่วงประมาณครึ่งหลังของรัชกาลที่ 5 ไม่ปรากฏว่าได้กระทำอีก โดยครั้งสุดท้ายที่ปรากฏหลักฐานคือในรัตนโกสินทรศก 114 มีในราชกิจจานุเบกษาความว่า

...วันที่ 11  ที่ 12  แลที่ 13 กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก 114  สามวันนี้ เป็นสมัยแห่งตรุศจีน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงาน จัดการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายอาหารบิณฑบาตแก่พระสงฆ์ วันละ 20 รูป ที่พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยเช่นทุกปีมา...วันที่ 12 แลที่ 13 โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธเสด็จออกทรงเลี้ยงพระสงฆ์ วันที่ 12 สมเด็จพระวันรัตเปนประธานสงฆ์ ขุนนิพนธ์พจนาดถ์ อ่านประกาศเทวดา วันที่ 13  หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดา เปนประธานสงฆ์นายช่วงเปรียญอ่านประกาศสังเวย ในการพระราชกุศลนี้ มีกัปิยาหารสำหรับการตรุศจีนบรรทุกโคต่างถวายพระสงฆ์ แลการปล่อยสัตวเช่นทุกปีมา...

การพระราชพิธีสังเวยพระป้ายที่พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต มีกำหนดการสังเวยในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 1 ตามปฏิทินจีน ซึ่งก็คือวันตรุษจีน (วันขึ้นปีใหม่) เครื่องสังเวยพระป้ายจัดเป็นเครื่องคู่ ประกอบด้วย หัวหมู เป็ด ไก่ ขนมเข่ง ขนมเปี๊ยะ ซาลาเปา ผลไม้ กระดาษเงินกระดาษทอง วิมานเทวดาทำด้วยกระดาษ เรียกตามภาษาจีนว่า กิมฮวยอั้งติ๋ว ผ้าสีชมพู ประทัด ดอกไม้ ธูป เทียนเงิน เทียนทอง”

พระราชพิธีสังเวยพระป้าย เป็นพระราชพิธีที่ปฏิบัติสิบทอดมาถึงรัชกาลปัจจุบัน