เทศกาลตรุษจีนของจีน เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก (องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ) ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เนื่องด้วยมีพิธีกรรมและองค์ประกอบทางวัฒนธรรมเฉพาะตัวอันเกี่ยวพันกับทั้งสังคมจีน
โดยยูเนสโกเน้นย้ำว่า เทศกาลตรุษจีนที่เป็นหมุดหมายการเริ่มต้นปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติจีนมีความเกี่ยวข้องกับพิธีปฏิบัติทางสังคมที่หลากหลาย ทั้งการกราบไหว้ขอพรและการกลับมารวมตัวกันของสมาชิกครอบครัว รวมถึงมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดแจงโดยผู้สูงอายุและงานสาธารณะตามเทศกาลที่จัดโดยชุมชน
เอกสารของยูเนสโกระบุว่า องค์ความรู้และขนบธรรมเนียมตามประเพณีดั้งเดิมที่เกี่ยวพันกับเทศกาลตรุษจีนถูกส่งต่อภายในครอบครัวและชุมชนอย่างไม่เป็นทางการ รวมถึงส่งต่ออย่างเป็นทางการผ่านระบบการศึกษา ขณะที่ทักษะงานฝีมือและศิลปะที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้ถูกส่งต่อผ่านการฝึกฝน เป็นการส่งเสริมคุณค่าของครอบครัว ความสมานฉันท์ในสังคม และสันติภาพ
สำหรับเทศกาลตรุษจีน หรือ ชุนเจี๋ย ของจีนประกาศวันหยุด 8 วัน ตั้งแค่วันที่ 28 มกราคม – 4 กุมภาพันธ์
ส่วนสังคมไทยนั้น รับเอาวัฒนธรรมจีนเข้ามาช้านานแต่โบราณมีหลักฐานมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และประยุกต์ให้ผสมกลมกลืนในปัจจุบัน เช่นการไหว้เจ้า ก็จะได้เห็นว่าในเทศกาลตรุษจีน ชาวไทยก็มักจะตั้งโต๊ะไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ หรือไปทำบุญให้บรรพบุรุษ
ซึ่งวันตรุษจีนปีนี้ ตรงกับวันพุธที่ 29 มกราคม โดยเทศกาลตรุษจีนในไทย แบ่งเป็น 3 วัน ได้แก่ วันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยว ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 27 มกราคม 28 มกราคม และ29 มกราคม
แม้ในประเทศไทยจะไม่ได้กำหนดกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการ เว้นแต่ในพื้นที่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และสงขลา ที่ให้วันตรุษจีนเป็นวันหยุดราชการประจำปีเพิ่มอีก 1 วัน ตามคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2555 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2556
อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วบริษัทห้างร้านที่มีเชื้อสายหรือสัญชาติจีน มักจะให้พนักงานหยุดงาน เพื่อเตรียมของไหว้และท่องเที่ยวพักผ่อนเฉลิมฉลองเทศหาล แต่ในองค์กรที่ไม่ได้มีเชื้อสายหรือสัญชาติจีน พนักงานก็มักจะลาหยุดเป็นกรณิพิเศษในวันตรุษจีน
แต่ไม่ว่าจะมาทำงานตามปกติหรือลาหยุดไปเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน ก็ขอให้ทุกท่านมีความสุข เดินทางปลอดภัย เฮงๆ ปังๆ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้