สุขุม เฉลยทรัพย์
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
เชื่อว่าปีใหม่หลายคนคงอยากได้อะไรใหม่ใหม่ บางคนอาจจะอยากได้เพื่อนใหม่ คนรักใหม่ บางคนอาจจะอยากได้งานใหม่ หน้าที่การงานที่ดีขึ้น แต่ถ้าจะถามว่า ณ วันนี้ คนไทยอยากได้สิ่งใดมากที่สุดเชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งใหม่ การเมืองใหม่ หรือแม้แต่รัฐบาลใหม่ น่าจะเป็น “คำตอบ” ที่หลายคนถวิลหา..!!
คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าตั้งแต่ต้นปี 2561 คนไทยต่าง “วาดหวัง” ในสิ่งที่แตกต่างกัน ซึ่งบ้างก็ผิดหวัง บ้างก็สมหวัง แต่อย่างไรก็ตามหากให้ “สวนดุสิตโพล” ถามประชาชนว่า “อยากได้สิ่งใด ในปี 2562?” เชื่อว่า “ประชาชน” จำนวนไม่น้อยน่าจะตอบว่า “อยากให้การเลือกตั้ง ปี 2562 มีการดำเนินการที่เป็นไปอย่างเรียบร้อย“ หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ “ประชาชน” ส่วนใหญ่ให้ความสนใจ และวาดหวังมากที่สุดนั้น เพราะการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน และเป็น “ตัวจักรสำคัญ” ที่จะขับเคลื่อนให้ประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้า
ดังนั้น การเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.2562 จึงเป็นสิ่งที่หลายคนรอคอย เนื่องจากหากมีการเลือกตั้งแล้ว น่าจะส่งผลดีต่อประเทศในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นในมิติประชาชน จากการสะท้อนของ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เมื่อไม่นานมานี้ พบว่า “ผลดี” ที่จะมีการเลือกตั้งในปี 2562 ซึ่ง “ประชาชน” ตอบมากที่สุด ร้อยละ 43.15 คือ เป็นประชาธิปไตย ประชาชนได้ใช้สิทธิ มีส่วนร่วมทางการเมือง
รองลงมา ได้แก่ ต่างชาติเชื่อมั่น มีการค้าการลงทุน เศรษฐกิจดีขึ้น ร้อยละ 37.23 บ้านเมืองพัฒนา ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ร้อยละ30.78 มีนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง มีฝ่ายค้านคอยตรวจสอบ ร้อยละ 22.04 และสถานการณ์ทางการเมืองดีขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ร้อยละ11.96
ส่วนของ “ผลดี” ในมิติเศรษฐกิจนั้น เกิดจากการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีหน้า จะทำให้มีเม็ดเงินจากการหาเสียงหมุนเวียนเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉลี่ยแล้วการเลือกตั้งแต่ละครั้งจะมีเงินสะพัดประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท ซึ่งครั้งนี้คาดว่าจะมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น จึงเชื่อว่าจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท (แต่อย่างไรก็ตามจากการที่การหาเสียงเลือกตั้งปี 2562 มีข้อจำกัดค่อนข้างมาก ก็อาจทำให้เม็ดเงินจากการหาเสียง หมุนเวียนเข้ามาในระบบเศรษฐกิจมีจำนวนลดลงก็เป็นได้...คงต้องติดตามตอนต่อไปว่าจะ “ลดลง”... หรือ “เพิ่มขึ้น”...อีกไม่นานก็ได้รู้กัน)
ขณะนี้ที่ “ผลดี” มิติการปกครอง กรณีได้ผู้ปกครองที่ดี ซึ่งยึดประโยชน์สุขของประชาชน เป็นสำคัญนั้น คงต้องยกกรณีสิงคโปร์ เป็นตัวอย่างแม้นักวิชาการตะวันตกจะมองว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ที่แท้จริง เพราะแม้จะมีการเลือกตั้ง แต่อำนาจการเมืองจำกัดอยู่ในพรรครัฐบาลเพียงพรรคเดียว มีการสืบทอดตำแหน่งผู้นำอย่างเด่นชัด พลเมืองถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพ พรรคการเมืองฝ่ายค้านเป็นเพียงไม้ประดับในสภา แต่ในอีกด้านหนึ่งไม่อาจปฏิเสธว่าการมีผู้นำที่ดีทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า เศรษฐกิจเติบโตดีกว่าทุกประเทศในภูมิภาค พลเมืองส่วนใหญ่เป็นคนมีคุณภาพ
ไม่เพียงแต่สิงคโปร์เท่านั้น แต่ยังมีหลักฐานมากมายระบุว่า หากได้ผู้ปกครองที่ทุ่มเทเสียสละ ไม่เกิน 1 ชั่วอายุ คนในสังคมจะกินดีอยู่ดี ซึ่งแม้ว่าการสร้างสังคมต้องอาศัยมากกว่าผู้นำ แต่ “ผู้นำ” คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง (เชื่อว่ามิตินี้เป็นสิ่งที่ “คนไทย” วาดหวังมากที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อใด? จะได้สมหวังเสียที)
นี่คือ การวิเคราะห์ผลดีที่น่าจะเกิดขึ้นจากการเลือกตั้ง ปี 2562 โดยเป้าหมายสูงสุดของผลดีหรือประโยชน์ที่ได้รับจากการเลือกตั้ง ก็คือ การตอบสนองความหวังสูงสุดของ “ประชาชน” ในขณะนี้ ก็คือ “การอยู่ดีมีสุข” คนมีหนี้ก็อยากให้รัฐบาลช่วยแบ่งเบาภาระด้านหนี้สิน ซึ่งอาจทำในรูปการพักชำระหนี้ หรือการให้เงินกู้ คนมีลูกก็อยากให้โครงการเรียนฟรีได้รับการผลักดันอย่างเป็นรูปธรรม คนเฒ่าคนแก่ก็อยากให้รัฐบาลหันมาเหลียวแลสภาพความเป็นอยู่ของพวกท่านทั้งหลายบ้าง หรือแม้แต่คนว่างงานก็หวังว่าหลังการเลือกตั้งเศรษฐกิจพลิกฟื้น การหางานทำคงจะง่ายขึ้น และคงไม่ต้อง “เตะฝุ่น” อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ความหวังจากการเลือกตั้งของประชาชน อาจมีความแตกต่างจากพรรคการเมือง เพราะพรรคการเมืองก็มี “ความฝันสูงสุด” ว่าหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ จะได้เป็นรัฐบาลมีโอกาสในการบริหารประเทศ ขณะที่นักการเมืองก็หวังจะได้ดำรงตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองเป็น “นายกรัฐมนตรี” ... “รัฐมนตรี” หรืออย่างน้อยได้เป็น ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลก็ยังดี (นี่คือ ความต้องการสูงสุด เพราะทุกพรรคต่างก็ต้องการเป็น “พรรครัฐบาล” และคงไม่มีพรรคใดที่ลงเลือกตั้งเพียงหวังเป็น “พรรคฝ่ายค้าน” เท่านั้น..!!)
จากความหวังของนักการเมืองในการ “ไต่บันไดดารา” เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นพรรครัฐบาลนั้น ทำให้นักการเมืองทั้งหลายต่างต้องดิ้นรนต่อสู้ และใช้กลเม็ดเด็ดพราย เพื่อให้ได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง จนทำให้เกิดเรื่องเล่าที่มีวันจบ อาทิ “คืนหมาหอน” คืนสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งที่จะมีการทุจริตการเลือกตั้งสูงมาก โดยเฉพาะการตระเวนตามบ้านเรือนทุกหลังคาเรือนเพื่อซื้อเสียงครั้งสุดท้าย (และยังมีอีกหลายเรื่องเล่าที่สร้างความบอบช้ำให้ประเทศไทยแบบไม่รู้ลืม..!!)
สุดท้ายคงได้แต่ “วาดหวัง” ว่าการเลือกตั้ง ปี 2562 ที่ “คนไทย” รอคอย จะเป็นมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม เพราะหากยังคงมีการทุจริตการเลือกตั้งเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีตแล้ว...
คงต้องพูดตรงๆ ว่าแล้ว “ความหวัง” ของคนไทยซึ่งจะเห็น การเลือกตั้งครั้งใหม่ การเมืองใหม่ หรือแม้แต่รัฐบาลใหม่ ที่จะเป็น “ความหวังใหม่” อาจจะเป็นแค่เพียง “ความหวังลมลมแล้งแล้ง” อีกจนได้...!?!