วงสนทนาการเมืองส่วนใหญ่จะมองไปในทิศทางเดียวกัน สำหรับพรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ ว่าไม่มีโอกาสที่ฟื้นคืนกลับมายิ่งใหญ่แล้ว ด้วยมีพรรคประชาชนเป็นเหมือนตัวตายตัวแทน เพียงแต่อุดมการณ์สลับขั้วกันเท่านั้น หากแต่บทบาทและลีลาการทำงานการเมืองทับซ้อนกันจนแทบจะเป็นแนวเดียว
ขณะที่ในสายตาขอสื่อทำเนียบรัฐบาล ตั้งฉายาประชาธิปัตย์ว่า “ประชาธิเป๋” ที่เดินเป๋จากอุดมการณ์กว่า 70 ปี พลิกหนีบทฝ่ายค้านมาร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ มองบวกว่า ในยามที่สุขภาพยังไม่ดี ก็เป๋กันอยู่บ้าง แต่สักพักก็คงแข็งแรงขึ้น ก็คงยืนตรงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่เหมือนพรรคประชาธิปัตย์ กำลังถูกมองข้ามและตกเวที ไม่มีพื้นที่สื่อ ที่โฟกัสอยู่กับพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติ
จู่ๆ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังวัดของพรรคเพื่อไทย ไปปราศรัยที่เชียงราย จากที่เคยรบกับพรรคประชาชน และขาประจำฝ่ายตรงข้าม กลับมีบางช่วงบางตอนฉวัดเฉวียนไปถึงพรรคประชาธิปัตย์
“วันนี้ความคิดของคนไม่เหมือนกันตนเองมีความคิดแบบคนสมัยใหม่ คนรุ่นเก่าบางคนออกมาด่าตนเองสารพัด มีอยู่คนหนึ่งหาว่าตนเองสร้างความวุ่นวาย ตั้งแต่แพ้การเลือกตั้ง ตนเองเมื่อปี 44 ก็แค้นจนถึงทุกวันนี้ คนที่มาด่าตนเอง เขตเลือกตั้งมี 450 คน เลือกเขาแค่ 47 คนแก่แล้วยังลงเลือกตั้งอยู่ แต่ตนเองพอแล้ว ไม่อยากอะไรแล้วช่วยประชาชนดีกว่าทำงานให้บ้านเมือง”
นั่นทำให้มีการสปอตไลต์การเมืองฉายจับไปที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนายชวนก็ได้ออกมาแสดงความเห็นกรณีที่มีการพาดพิงคนสูงวัยแต่ยังสมัครส.ส. ว่าตนเองนั้นตั้งใจเป็นนักการเมือง เพื่อจะได้ทำงานเป็นปากเสียงให้ประชาชน ดังนั้นการเข้ามาการเมืองจึงไม่ได้หวังผล เพื่อดูแลธุรกิจ เพราะไม่ได้มีธุรกิจที่จะต้องปกป้อง หรือเอาประโยชน์ให้ครอบครัว
“นายทักษิณก็บอกว่าเขาคือนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่ตนเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ไม่โกง ไม่ซื้อเสียง ยึดมั่นหลักระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และระบบรัฐสภา ซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือหลักกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างที่ให้สัมภาษณ์ไป ไม่เคยอาฆาตแค้นนายทักษิณ เคยพูดครั้งหนึ่งว่าถ้านายทักษิณทำประเทศเหมือนธุรกิจตัวเอง ทำอะไรไม่ถูกต้อง ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่ เคยพูดเมื่อ 17-18 ปีที่แล้ว ก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แน่นอนที่สุดใครก็ตามทำอะไรไม่ถูกต้องกับบ้านเมืองจะมีปัญหา”
เรียกว่ากรีดมากรีดกลับไปพอหอมปากหอมคอ ท่ามกลางเงื่อนไขการเมืองไทยที่สลับซับซ้อน ต่อไปข้างหน้า จนกว่าจะถึงการเลือกตั้งใหม่ พรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงต้องมีบททดสอบอีกหลายด่านว่าพรรคไหนเป็นของจริง