หลังเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของการการจุดพลุเฉลิมฉลองในงานที่ส่งผลกระทบต่อหมาและแมว ที่บ้างก็ตกใจจนหัวใจวายหรือเตลิดหลุดหนีออกจากบ้านไป ทำให้กลายเป็นหมาหลงหรือหมาจรจัด กระทั่งบางรายประสบอุบัติเหตุถูกรถชนบาดเจ็บและถึงแก่ชีวิต ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้า สะเทือนใจ

โดยเฉพาะบรรดาคนรักหมาแมวต่างออกมาสาปส่งเกลียดการจุดพลุ หรือพาลเกลียดเทศกาลปีใหม่ หรือเทศกาลต่างๆที่มีการจุดพลุไปเลยทีเดียว

แต่เดี๋ยวก่อน อาจมีความเห็นแย้งขึ้นมาว่า พลุใช่ผู้ร้ายตัวจริงไหม แล้วเทศกาลปีใหม่ที่ทำเงินรายได้เข้าประเทศและเข้ากระเป๋าคนไทยอีกหลายคนนั้นควรถูกสาปส่งจริงหรือ แล้วบ้านอื่นเมืองอื่นก็มีการจุดพลุกันทั่วโลก เขาไม่มีปัญหากันหรืออย่างไร

ก็ต้องบอกว่า ต่างประเทศเขาก็เหมือนกันกับบ้านเรา เช่น ในวันชาติขอสหรัฐอเมริกา ก็มีการจุดพลุเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่อลังการเช่นกัน แน่นอนว่าหมาแมวที่นั่นก๊อกสั่นขวัญผวา แต่ยกตัวอย่างที่ลอสแองเจลิสมาหน่อย ที่นั่นเขามีการประกาศลดค่าธรรมเนียมในการรับเลี้ยงหมาแมวในช่วงระหว่างวันชาติทั้งก่อนและหลังวันชาติ เพื่อจูงใจให้คนเอาหมาแมวมาฝากดูแลเพื่อความปลอดภัย

รวมทั้งการออกคำเตือนในการดูแลหมาแมว ไม่ว่าจะเป็นการไม่ปล่อยให้สัตว์อยู่ตามลำพังในวันเทศกาล หรือหากจำเป็นก็ต้องมีพื้นที่ปิดมิดชิด เปิดเพลงหรือทีวีกล่อม แขวนป้ายชื่อติดพร้อมเบอร์โทรเผื่อหลง หรือถ้าโดยปกติแล้วหมาแมวของเราตกใจง่ายก็ต้องไปพบสัตวแพทย์ปรึกษากันเสียก่อนเป็นต้น

บ้านเราอย่างกรุงเทพมหานคร เขาก็มีคำเตือนออกมาสำหรับสัตว์เลี้ยงก่อนจะพลุปีใหม่เหมือนกัน โดยมีคำเตือนอยู่ 4 ข้อ

1.หาพื้นที่ที่สัตว์เลี้ยงจะรู้สึกถึงความปลอดภัย 2.จัดเตรียมของเล่นและขนมให้พร้อม 3.พูดคุยกับสัตวแพทย์ก่อน และ 4.ติดป้ายชื่อหรือฝังไมโครชิปเพื่อระบุคงามเป็นเจ้าของ

อย่างไรก็ตาม แต่นอกจากจะประกาศเตือนใหเจ้าของสัตว์เลี้ยงจะปฏิบัติต่างๆ เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ ที่ผู้จัดงาน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ และภาคเอกชน จะร่วมรับผิดชอบในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการดูสัตว์เช่น การลดค่าธรรมเนียมในการฝากสัตว์เลี้ยงในช่วงเทศกาล หรือการจัดหาอุปกรณ์ในการป้องกันให้กับสัตว์เลี้ยงในจุดที่มีความอ่อนไหว  หรือแม้แต่การจัดการหมาแมวจรจัด ในชุมชน เชื่อว่าจะไม่ใช่เรื่องที่เกินไปกว่าการบริหารจัดการได้ เพื่อให้มีความสุขของเราไปอยู่บนความทุกข์ของใคร