การเมืองช่วงโค้งสุดท้ายปีมะโรงงูใหญ่นั้นดุเดือดเลือดพล่าน เต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึม ทั้งศึกนอก และศึกใน ล้อมกรอบรัฐบาลแพทองธาร 

แต่ในมุมมองของ นายทักษิณ​ ชิน​วัตร​ อดีต​นายก​รัฐมนตรี​ ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ประเมินสถานการณ์การเมืองในปี 2568 ปีงูเล็กเอาไว้ว่า การเมืองคงไม่มีอะไร เหมือนเดิม พรรคร่วมรัฐบาลก็เหมือนเดิม ไม่เห็นด้วยอะไรกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ลิ้นกับฟัน เป็นเรื่องธรรมดา​ ไม่มีอะไรมาก ยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันจนจบ

อดีตนายกรัฐมนตรี ยังมั่นใจว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอม หรืออาจไม่ครบ เหลืออีกสัก 3-4 วันประมาณนี้

แม้บรรดานักวิเคราะห์จะคาดการณ์กันว่า นายทักษิณ จะเลือกยุบสภา เพื่อแก้ไขปัญหาทางการเมืองเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยการยุบสภาก็ตาม

ทั้งนี้ ในปีงูเล็ก หรือปีมะเส็ง ต้องจับตาปฏิทินการเมืองสำคัญ นั่นก็คือ คดียุบพรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม จากเหตุนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการครอบงำ ชี้นำและ 6 พรรคการเมืองยินยอมให้นายทักษิณ ครอบงำ  ชี้นำ ที่คาดว่าจะมีความคืบหน้าของคดีนี้ โดยเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. สรุปแล้ว  หากเป็นลบก็ส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อ แต่หากเป็นบวกไม่เห็นควรส่งฟ้องก็ถือเป็นอันยุติ

ซึ่งคดีนี้จะมีผลต่อรัฐบาลแพทองธาร เนื่องจากน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หากถูกยุบพรรคก็จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคไปด้วย ก็มีอันต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

อีกคดีหนึ่งก็คงต้องจับตาที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.กรณีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ หากผลออกมาเป็นลบ แม้จะไม่กระทบกระเทือนถึงนายทักษิณ แต่ก็อาจจะส่งผลกระทบในทางจิตวิทยา

ส่วนกรณีของ 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 แม้อาจไม่ส่งผลใหฟ้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดๆ แต่อาจมีผลต่อพรรคประชาชน ในการทำศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

จากคดีความต่างๆ นี้เป็นระเบิดเวลาในปี 2568