ตั้งแต่ “หัวแถว” ระดับ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ไปจนถึง “แกนนำ” ในรัฐบาลที่สวมเสื้อ “เพื่อไทย” ต่างพากันออกมายืนยันในทิศทางงเดียวกันว่า ระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” นั้นไม่มีปัญหากัน รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาล อื่นด้วยที่ “เห็นต่าง” กรณีลงมือโหวตเรื่องการทำประชามติ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา ก็ตาม
แต่เชื่อเถอะว่า ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากฝั่ง เพื่อไทย เวลานี้อาจเป็นความพยายามเก็บงำ “ความไม่พอใจ” ที่มีต่อ “ภูมิใจไทย” ให้มากที่สุด จะเว้นก็แต่ท่าทีจาก “อดิศร เพียงเกษ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่แสดงออกชัดเจน ว่าไม่พอใจ บางพรรคร่วมรัฐบาล ที่ “ขัดขวาง” และ “ถ่วงรั้ง” ประชาธิปไตย
การประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา มีวาระที่สำคัญ นั่นคือ การลงมติร่างพ.ร.บ.ประชามติ ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการร่วมสส. -สว. และกลายเป็นเรื่องฮือฮา เมื่อพรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงไม่เป็นเอกฉันท์ !
ทางด้าน “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ ระบุว่า เรื่องนี้คงไม่เป็นปัญหา เพราะบางครั้งพรรคเดียวกัน ยังคิดไม่เหมือนกัน แต่ในเรื่องของการทำงานร่วมกัน พรรคร่วมรัฐบาลร่วมมือกันอยู่แล้ว
แต่สำหรับ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รมว.ดีอีเอส ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย เองดูจะยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกัน ต้องเอาเหตุผลมาพูดคุยกัน ส่วนเรื่องอื่นๆ จะมีปัญหาตามมาหรือไม่นั้น ไม่อยากให้มองแบบนั้น
อย่างไรก็ดี เมื่อเปิดผลการโหวตลงคะแนน ร่างกฎหมายประชามติ ที่กำลังกลายเป็นข้อถกเถียงถึง “มารยาททางการเมือง” ภายในพรรคร่วมรัฐบาลจะพบว่า ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โหวตเห็นชอบ 61 เสียง ไม่เห็นชอบ 327 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง
โดยเสียงเห็นชอบเป็นของสส.พรรคภูมิใจไทย เนื่องจากต้องการหลักเกณฑ์การออกเสียงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ แบบเสียงข้างมากสองชั้น เท่ากับว่า เป็นการโหวตสวน “มติวิปรัฐบาล” ที่มีมติไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เนื่องจากขัดกับหลักการตั้งแต่ต้นที่สภาฯต้องการให้การออกเสียงประชามติเป็นแบบเสียงข้างมากปกติชั้นเดียว
แม้การโหวตลงมติจะถือเป็นสิทธิ แต่อย่าลืมว่าวันนี้ ในรัฐบาลผสมเอง เพิ่งคุกรุ่นจากกรณีที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ เพิ่งออกมาฟาดงวงฟาดงาใส่ ทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเฉพาะพรรคสีน้ำเงินที่มักไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทย
ด้วยเหตุนี้ เหนืออื่นใด นอกจากการใช้สิทธิของสส.ในสังกัดพรรคภูมิใจไทยแล้ว จึงช่วยไม่ได้ที่จะถูกจับตาว่า นี่คือ “การสวนกลับ” จากภูมิใจไทย เมื่อ ทักษิณ เจ้าของบ้านจันทร์ส่องหล้า ออกตัวแข็งกร้าวเข้าใส่ไปหมาดๆหรือไม่ ?