เสรี พงศ์พิศ

Fb Seri Phogphit

สังคมไทยคนเกิดน้อยกว่าคนตาย ผู้สูงอายุมากขึ้น ประชากรจะลดลงไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับญี่ปุ่นและหลายประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งมีแผนแยบยลรับแรงงานต่างชาติเพื่อ “ชดเชย” ประชากรที่ลดลง ซึ่งเป็นปัญหาต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ประชากรแรงงานต่างชาติในบ้านเรากำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ 2-3 ล้านคนตามตัวเลขทางการ แต่มากกว่า 10 ล้านคน ซึ่งด้านหนึ่งก็เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่ก็ส่งผลลบ แย่งงานคนไทย ปัญหาสังคม และความมั่นคง การลักลอบเข้ามาในเมืองแบบผิดกฎหมาย ซึ่งเข้ามาได้หลายช่องทาง ยิ่ง “วีซ่าฟรี” ยิ่งง่าย

 แรงงานต่างชาติเข้ายืดพื้นที่ในไทย ต่างจังหวัดและในกรุงเทพฯ ตามแหล่งท่องเที่ยว ถนนในย่านธุรกิจสำคัญอย่างสุขุมวิท มีชาวต่างชาติเข้ามาทำมาหากินเต็มไปหมด ไม่ว่าพม่า เขมร ลาว เวียดนาม ชาวเอเชียใต้ ไปจนถึงชาวแอฟริกัน

มีทั้งเข้ามาทำธุรกิจอย่างถูกต้องไปจนถึงการค้าขายตามข้างถนนที่เป็นงานสงวนของคนไทย ไปจนถึงการหารายได้ที่ผิดกฎหมาย ทั้งการขอทานและการค้าประเวณี ที่้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศด้วย และดูเหมือนว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบยังไม่สามารถแก้ไขในเรื่องนี้ได้

การสำรวจโดยบริษัท MI Group ในปี 2023 รายงานว่า แรงงานต่างชาติในประเทศไทยกว่า 10.2 ล้านคน (รวมแรงงานผิดกฎหมาย) เป็นแรงงานสัญชาติพม่าถึง 6.8 ล้านคน และเป็นแรงงานที่ลงทะเบียนเพียง 1,850,000 กว่าคนเท่านั้น หมายความว่าเป็นแรงงานเถื่อนจากพม่ามากถึง 4,950,000 หรือเกือบ 5 ล้านคน

ที่สหภาพยุโรป (EU) เรื่องผู้อพยพเป็น “การเมืองเรื่องใหญ่” มานานหลายปี โดยเฉพาะเมื่อ 10 ปีก่อน (2014-2015) ที่เยอรมนีภายใต้การนำของนายกฯ อังเกลา แมร์เคิล รับผู้อพยพจากซีเรีย ตะวันออกกลาง แอฟริกานับล้านคน มีทั้งด้านบวกและลบต่อเศรษฐกิจสังคม มีผลต่อการเลือกตั้งในเยอรมนี ที่พรรคขวาจัดใช้ประเด็นผู้อพยพเพื่อหาเสียง และได้ผล ทำให้มีที่นั่งในสภามากขึ้นเป็นประวัติการณ์ จนกังวลกันวันนี้ว่าขวาจัดจะกลับมา

สองสามปีมานี้ ปัญหาผู้อพยพหนักหนาสาหัสไม่แพ้เมื่อ 10 ปีก่อน เพราะสงครามที่ยูเครน ปัญหาในตะวันออกกลาง แอฟริกา ส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพที่หนีภัยสงคราม อีกส่วนหนึ่งหนีความอดอยากยากจน

ปีนี้ มีการรายงานในสภายุโรปว่า มีการขอลี้ภัยทางการเมืองกว่า 1 ล้านคน ซึ่งประเทศสมาชิกต้องแบ่งกันรับมือ โดยกำหนดมาตรการเข้มงวดป้องกันการหลบหนีเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย

ประชากรในวัยทำงานกำลังลดลงในหลายประเทศในยุโรป เช่น เยอรมนี อิตาลี และสเปน ซึ่งประเทศเหล่านี้กำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมสำคัญ ตั้งแต่ภาคเกษตรกรรมไปจนถึงการดูแลสุขภาพและเทคโนโลยี

ประเทศเยอรมนีคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า จะขาดแคลนแรงงานประมาณ 7 ล้านคนหากไม่มีการจัดหาบุคลากรเข้ามาทดแทน ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐบาลเยอรมนีได้ออกกฎหมายที่ง่ายขึ้นสำหรับแรงงานต่างชาติที่มีทักษะสูงที่จะเข้ามาอาศัยและทำงานในประเทศ และได้สัญชาติเยอรมันง่ายขึ้นเร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการแก้ปัญหานี้ คือผู้คนยังคงมีทัศนคติเชิงลบต่อผู้อพยพจากนอกอียูโดยเฉพาะจากแอฟริกาและตะวันออกกลาง ความรู้สึกเหล่านี้มักถูกจุดประเด็นโดยพรรคการเมืองฝ่ายขวา ซึ่งใช้เป็นเครื่องมือในการหาเสียง สมาชิกอียูพยายามหาทางออกที่สมดุลระหว่างความต้องการทางเศรษฐกิจและความกังวลของประชาชนในเรื่องวัฒนธรรมและความมั่นคง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้คนในยุโรปเกี่ยวกับผู้อพยพจากผู้ที่ถูกมองว่าเป็น "ปัญหา" มาเป็น "ทรัพยากร” เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและความหลากหลายทางวัฒนธรรม

การเมืองในยุโรปแสดงให้เห็นว่า พรรคการเมืองฝ่ายขวาและขวาจัดกำลังขึ้นมาเป็นพรรคนำในหลายประเทศ และดูเหมือนว่าจะเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มีจุดร่วมกันในทุกประเทศ คือเรื่องผู้อพยพ และนับวันจะยากยิ่งขึ้นที่ผู้อพยพผิดกฎหมายจะลักลอบเข้าประเทศ และขอลี้ภัย จะถูกคัดเลือกหรือ “ส่งกลับ” หรือทำแบบอิตาลีที่ส่งไปให้แอดเบเนียรับไป “ดูแล” โดยสนับสนุนทางการเงิน

กระนั้น ก็เข้าใจกันดีว่า หลายประเทศก็ “หลับตาข้างหนึ่ง” เรื่องผู้อพยพผิดกฎหมายที่เรียกกันว่า “โรบินฮูด” (ที่เกาหลีเรียกว่า “ผีน้อย”) อย่างที่สหรัฐอเมริกา หรือไม่ว่าที่ไหนก็ไม่สามารถกวดขันจับขัง จับปรับ ส่งกลับประเทศที่มาได้ทั้งหมด วันดีคืนดีก็มีการ “นิรโทษกรรม” ทีหนึ่ง ให้ “กรีนการ์ด” ไปเลย

ในกรณีประเทศไทยเองก็มีความพยายามจากหลายหน่วยงานในการเข้มงวดป้องกันปราบปรามผู้ลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง ส่วนใหญ่ก็จัดการนำเข้าสู่แรงงานในระบบไม่ให้กระทบเศรษฐกิจ

ด้านหนึ่ง แรงงานต่างชาติก็ช่วยในเรื่องเศรษฐกิจ แต่อีกด้านหนึงก็แย่งงานคนไทย ดังที่เห็นเป็นข่าวทุกวัน โดยเฉพาะพม่าที่กลัวกันว่าจะ “ยึด” เมืองไทย ตลาดบางแห่งก็ถูก “ยึด” ไปแล้ว พวกเขาไม่ได้มาตัวคนเดียว แต่มาทั้งครอบครัว ลูกเล็กเด็กแดง ที่โตขึ้นทุกวัน ทั้งนี้ยังมีเขมรและลาว แม้จะมีจำนวนน้อยกว่าพม่า

ประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าสหรัฐ แคนาดา ยุโรป ออสเตรเลีย ต่างก็ต้องการแรงงานที่มีทักษะสูง มีแรง

จูงใจให้ไปทำงานในประเทศของตน ใกล้บ้านเราก็มีสิงคโปร์ ที่มีนโยบายชัดเจน มีแรงงานต่างชาติสูงมาก กว่าหนึ่งในสามของประชากร เป็นกำลังสำคัญให้เศรษฐกิจของประเทศ

เรื่องผู้อพยพนำไปสู่ความเป็น “อาณานิคมยุคใหม่” ทำให้ “ความเหลื่อมล้ำ” ระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น เมื่อประเทศรวยดูดเอาทรัพยากรบุคคล คนมีทักษะสูงไปเกือบหมด อย่างที่เคยทำกับผู้อพยพในไทยระหว่างสงครามเวียดนาม คัดเอาคนมีทักษะชาวเวียดนาม เขมร ลาว ไปประเทศที่สาม ทิ้งแรงงานไร้ฝีมือไว้ในไทย

ประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย  นอกจากจะดึงดูดแรงงานทักษะสูงจากประเทศพัฒนามายาก คนไทยที่เก่งๆ จำนวนมาก เรียนจบก็ไม่กลับบ้าน