“ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะ “ผู้มีอิทธิพล” เหนือ “พรรคเพื่อไทย” ได้ใช้โอกาสในการทำหน้าที่เป็น “วิทยากร” บรรยายให้กับสมาชิกพรรคเพื่อไทย รับฟังในการสัมมนาสมาชิกพรรค ที่หัวหิน เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้กลายเป็นความจงใจ ทิ้งบอมบ์ เข้าใส่ “พรรคร่วมรัฐบาล” ชนิดไม่ไว้หน้า
จะด้วยเพราะทักษิณ เก็บงำความไม่พอใจ พรรคร่วมรัฐบาล มาพักใหญ่ โดยเฉพาะในวันประชุมครม. เพื่อพิจารณาเรื่องใหญ่ พ.ร.ก.มาตรการภาษี เมื่อพรรคร่วมรัฐบาลทำเหมือนปล่อย “เพื่อไทย” ให้ “ตายเดี่ยว” แถมในวันประชุม ยังมี “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั่งอยู่หัวโต๊ะ เท่ากับว่าทั้งลูกสาวและพรรคเพื่อไทย ถูกโดดเดี่ยว
แต่อย่างไรก็ดี การออกมาแสดงความไม่พอใจ แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ด้วยกาใช้คำพูดในลักษณะไม่ไว้ไมตรี ทั้งการท้าทายถามว่า “จะอยู่หรือไป” ให้บอกมา หรือการทวงถามว่าเมื่อได้ตำแหน่งกันไปแล้วก็ไม่มีเลือดสุพรรณฯ มาด้วยกัน แต่ไม่ไปด้วยกัน เมื่อถึงวาะที่รัฐบาลต้องพิจารณาเรื่องใหญ่
หากเป็นเมื่อครั้งที่นายกฯของเมืองไทย ชื่อทักษิณ ชินวัตร และพรรคร่วมรัฐบาลขอเข้าร่วมรัฐบาลเอง อาจทำให้บรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล หวั่นไหวต่อคำพูดและท่าทีของ ทักษิณ อยู่บ้าง !
ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจริง คือการที่พรรคเพื่อไทย กลับเป็นฝ่าย “อาศัย” การค้ำยันจาก “พรรคร่วมรัฐบาล” ซึ่งล้วนอยู่ในช่วงรัฐบาล “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี เป็นรัฐบาลยาวนานมาถึง 8 ปีด้วยกันทั้งสิ้น
การที่ทักษิณ ได้กลับประเทศ ในรอบ 17 ปี อาจไม่ใช่ “ความยิ่งใหญ่” ในสายตาของ “พรรคร่วมรัฐบาล” เพราะทุกคนรับรู้กันดีว่า เบื้องลึกเบื้องหลัง คือ “ดีลลับ” ที่เปิดทางกลับบ้านเกิดให้กับทักษิณ ภายใต้เงื่อนไข “บางประการ” ทำ ภารกิจบางเรื่องเท่านั้น
สถานการณ์ของทักษิณ ในวันนี้ แม้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จะไม่ออกมา “ชี้แจง” เพราะบางคนเคยทำงานกับทักษิณ ด้วยกันมาก่อน แต่ย่อมไม่ได้หมายความว่า จะยกให้ “ทักษิณ” คือ “ตัวแปร” ทางการเมืองเหมือนในวันวานอีกต่อไป
โดยเฉพาะอย่าลืมว่านาทีนี้ แม้พรรคเพื่อไทย จะมีทักษิณ แต่ขณะเดียวกันพรรคร่วมรัฐบาล บางพรรคเอง ก็พร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็น “ตัวแทนใหม่” วัดรอยกับทักษิณ ได้ทุกเมื่อ !