ปี 2567 ประเทศไทยประสบกับปัญหาภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น  ทั้งน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ในหลายพื้นที่สร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สิน พื้นที่การเกษตร ที่อยู่อาศัย ที่สำคัญคือน้ำท่วมเกิดถี่ขึ้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัญหาสิ่งแวดล้อม        

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดํารัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าถวายพระพร เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตําหนักจิตรลดารโหฐาน โดยมีใจความเกี่ยวกับ

“สถานการณ์สิ่งแวดล้อมของประเทศไทย และของโลกที่มีความรุนแรงขึ้น และทรงห่วงใยต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ประชาชนชาวไทยกําลังประสบอยู่ พร้อมทั้งตรัสเตือนพสกนิกรให้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ด้วยความสุขุมรอบคอบ โดยให้ถือเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องปฏิบัติ มิใช้เพียงเพื่อประเทศไทย เท่านั้น หากเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของโลกด้วย”

จากพระราชดำรัสข้างต้น สะท้อนสายพระเนตรยาวไกลและพระวิสัยทัศน์

คณะรัฐมนตรี  ในปี พ.ศ. 2534 จึงกำหนดให้วันที่ 4 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันสิ่งแวดล้อมไทย เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เพื่อช่วยกระตุ้นให้ประชาชนทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย และเป็นวันอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านแห่งชาติ หรือ วัน ทสม. แห่งชาติ อีกด้วย

ทั้งนี้ วันที่ 4 ธันวาคม ยังตรงกับ “วันอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านแห่งชาติ” หรือวัน ทสม. แห่งชาติ โดยเกิดจาดแนวคิดการรวมกลุ่มพลังทางสังคมที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมในรูปแบบ “เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อม” ซึ่งต่อมาได้ปรับเปลี่ยนบทบาทและชื่อเป็น “เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านแห่งชาติ” หรือ “เครือข่าย ทสม.” และในปี พ.ศ. 2550 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ขยายเครือข่ายให้ ทสม. ครอบคลุมทั่วทั้ง 76 จังหวัด ครม. จึงได้มีมติให้ทุกวันที่ 4 ธันวาคม เป็นวันอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านแห่งชาติ

ถึงเวลาที่พวกเราทุกคนต้องตระหนักและร่วมมือกันในการสร้างภูมิคุ้มกันจากปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงแต่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมแต่ต้องร่วมกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ทิศทางนโยบายของรัฐบาลต้องต่อเนื่องเพื่อความยุ่งยืน