รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์
ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ในโลกยุคที่เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสังคมเข้ามามีบทบาทสำคัญ ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมของทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการผลิต และการสร้างความเสมอภาคในสังคม มหาวิทยาลัยในฐานะที่เป็นศูนย์กลางขององค์ความรู้ การศึกษา และนวัตกรรม เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก
บทบาทของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ควรครอบคลมุทั้งในด้านการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ การสร้างนวัตกรรมเพื่อสังคม การพัฒนางานวิจัยที่ตอบโจทย์ปัญหาของประเทศ ตลอดจนการสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า
การผลิตบัณฑิตที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงานเป็นหนึ่งในบทบาทสำคัญของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยควรผลิตบัณฑิตที่มีความรู้และทักษะตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มหาวิทยาลัยควรปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาให้ทันสมัย โดยบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับการเรียนการสอน เช่น การสอนเขียนโปรแกรม การใช้เครื่องมือดิจิทัล และการเรียนรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมกันนี้ การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning และ Project-Based Learning ยังช่วยให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติจริง และพัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหา ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษาไม่เพียงแต่พร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน แต่ยังสามารถเป็นผู้ประกอบการหรือผู้สร้างนวัตกรรมที่นำพาองค์กรและชุมชนไปสู่ความสำเร็จ นอกจากนี้ การเพิ่มความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมผ่านโครงการฝึกงาน และการจัดทำหลักสูตรพิเศษที่มุ่งเน้นทักษะเฉพาะด้าน เช่น วิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) หรือความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) จะช่วยสร้างบัณฑิตที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาที่ตลาดแรงงานต้องการ
การสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งกำเนิดนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งสามารถตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของสังคม ตัวอย่างเช่น งานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาระบบสาธารณสุขที่ยั่งยืน การออกแบบเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้สูงอายุ หรือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมหาวิทยาลัยสามารถส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมผ่านโครงการวิจัยและการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมที่เป็นพื้นที่ให้นักศึกษาและอาจารย์ได้ทดลองพัฒนาแนวคิดใหม่ การสนับสนุนให้นักศึกษามีโอกาสนำเสนอผลงานระดับชาติและนานาชาติ รวมถึงการจัดการแข่งขันด้านนวัตกรรมจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ
การพัฒนางานวิจัยที่ตอบโจทย์ประเทศ งานวิจัยเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญของมหาวิทยาลัยในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม งานวิจัยที่มีคุณภาพสามารถช่วยแก้ไขปัญหาในชุมชนและท้องถิ่น เช่น การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน หรือการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันระหว่างประเทศรุนแรงขึ้น การสนับสนุนงานวิจัยด้านเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ นาโนเทคโนโลยี และเทคโนโลยีชีวภาพ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ นอกจากนี้ การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างงานวิจัยกับภาคอุตสาหกรรมผ่านการจัดตั้งศูนย์วิจัยร่วม และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ก็เป็นอีกทางหน่งที่มหาวิทยาลัยสามารถผลักดันให้งานวิจัยเกิดผลใช้จริง
การสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ มหาวิทยาลัยไม่สามารถทำงานอย่างโดดเดี่ยว แต่ควรมีบทบาทเป็นสะพานเชื่อมระหว่างภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคเอกชน การสร้างความร่วมมือในลักษณะนี้ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และทรัพยากร และช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของความร่วมมือดังกล่าว ได้แก่ การจัดทำโครงการ Co-op Education ที่นักศึกษาได้ทำงานในภาคอุตสาหกรรมจริง หรือการจัดสัมมนาเพื่อเชื่อมโยงมหาวิทยาลัยกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม
การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล มหาวิทยาลัยสามารถเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น เช่น การพัฒนาแพลตฟอร์ม MOOC (Massive Open Online Course) ที่เปิดสอนหลักสูตรออนไลน์ในหลากหลายสาขา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือการให้บริการทางวิชาการ เช่น การจัดอบรมทักษะใหม่สำหรับแรงงาน หรือการให้คำปรึกษาแก่ชุมชนท้องถิ่น ยังช่วยเสริมสร้างศักยภาพของประชาชนและลดช่องว่างทางการศึกษา
แม้ว่ามหาวิทยาลัยจะมีบทบาทที่สำคัญ แต่ก็ยังคงมีความท้าทายและแนวทางพัฒนาในอนาคตที่ต้องแก้ไข เช่น การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานที่ไม่หยุดนิ่ง การพัฒนาหลักสูตรให้ยืดหยุ่นและตอบโจทย์แนวโน้มในอนาคต เช่น การเรียนรู้แบบโมดูล (Modular Learning) หรือการสร้างหลักสูตรเฉพาะทางแบบระยะสั้น จะช่วยให้มหาวิทยาลัยสามารถผลิตบัณฑิตที่มีความรู้และทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านการจัดทำโปรแกรมการเรียนรู้สำหรับทุกช่วงวัยจะช่วยให้ประชาชนสามารถปรับตัวและพัฒนาตนเองให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
มหาวิทยาลัยไม่เพียงแค่ทำหน้าที่เป็นสถาบันการศึกษา แต่ยังเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลงที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศ หากมหาวิทยาลัยสามารถปรับตัวและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก และก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนอย่างมั่นคงต่อไปครับ