เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน การเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานร จะระเบิดศึกขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.67 นี้ ผลจากการแพ้-ชนะ ระหว่าง ผู้สมัคร  ย่อมกลายเป็นผลการสะท้อนไปถึง อานุภาพ ระดับ เจ้าของพรรค ได้โดยปริยาย 


 พรรคเพื่อไทย ส่ง ศราวุธ เพชรพนมพร ลงรักษาเก้าอี้ นายกอบจ.อุดรธานี เพิ่งได้ กระแส จากพี่น้องคนเสื้อแดง โดยการขยับของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปทำหน้าที่แทน แพทองธาร ชินวัตร นายกฯผู้เป็น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในระหว่างที่เธอบินไปปฏิบัติภารกิจที่เปรู ที่ผ่านมา 


 งานนี้ทำเอา อุดรธานีคึกคักด้วยพลังของคนเสื้อแดง อีกครั้ง เพราะทักษิณ ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ด้วยตัวเองในรอบ 18ปีที่เขาได้กลับประเทศไทย 


 ขณะเดียวกัน  ศราวุธ แม้จะเป็นแชมป์เก่า เจ้าของพื้นที่ แต่ดูเหมือนว่าคงไม่อาจนิ่งนอนใจได้ เมื่อ คู่แข่ง รอบนี้ มาจาก พรรคประชาชน  ที่ส่ง คนิสร ขุริรัง ลงมาชน  โดยมี แม่ทัพหลัก ตั้งแต่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  ประธานคณะก้าวหน้า  , ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และตบท้ายที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล บินกลับมาจากอเมริกา เพื่อมาช่วยหาเสียงโดยเฉพาะ 


 แต่สถานการณ์การต่อสู้ที่ศึกเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานี อาจเป็นเพียงการเริ่มต้นที่น่าจะทำให้พรรคสีส้ม ได้เรียนรู้และเข้าใจ ชั้นเชิง ทางการเมือง ระดับ ทักษิณ มากขึ้น ว่าทุกคำที่พูดปราศรัย ซึ่งเชื่อมโยงถึง พรรคประชาชน ทั้งในปัจจุบัน จนถึงการย้อนไปถึง อดีต ว่าเหตุใด พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ในวันที่จับมือตั้งรัฐบาล จึงไม่สำเร็จ 
 การหยิบเอาประเด็นที่ว่าด้วย มาตรา112 อันเป็นเหมือน จุดตาย ของพรรคสีส้ม ขึ้นมา เบรกเกม ย้ำให้หลายคนเข้าใจและเห็นถึง การยึดโยง ต่อเป้าหมายของพรรคก้าวไกล ที่เลือกชูประเด็นแก้ไข มาตรา 112 จนทำให้ การตั้งรัฐบาล ของ พรรคอันดับ 1กับพรรคอันดับ 2 นั้นต้อง ล่มไม่เป็นท่า  ทั้งหลายทั้งปวง ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย  
 

การปราศรัยของอดีตนายกฯทักษิณ ที่สนามเลือกตั้งอบจ. เมื่อวันที่ 13-14 พ.ย.ที่ผ่านมานั้นอาจเป็นแค่การ เปิดฉาก  ให้ พรรคสีส้มได้เรียนรู้ว่า แท้จริงแล้ว ตัวเลขสส. อาจไม่ใช่ คำตอบ ของชัยชนะทางการเมืองในนาทีสุดท้าย !