สถานการณ์ฝุ่นของประเทศไทยเริ่มสูงขึ้นในช่วงปลายปีต่อเนื่องไปถึงต้นปีถัดไปราวๆ 4 เดือน ไปไหนมาไหนในช่วงนี้บางคนอาจเริ่มรู้สึกแสบจมูกและแสบลำคอ และอาจต้องกลับมาสวมหน้ากากอนามัยที่ป้องกันฝุ่น PM2.5 เพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้จากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อกำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 ดังนี้
- เน้นย้ำทุกหน่วยงานลดจุดความร้อนให้ได้ตามเป้าหมายในพื้นที่ 14 กลุ่มป่า และพื้นที่เกษตรโดยเฉพาะกลุ่มพืชสำคัญ ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด อ้อย รวมถึงการพิจารณามาตรการไม่รับซื้อผลิตผลที่ใช้วิธีการเผาทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้กลไกความร่วมมือในทุกระดับ เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน ลดจุดความร้อนในประเทศเพื่อนบ้าน
-ควบคุมฝุ่นในเมืองทั้งการตรวจจับ และระงับการใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินค่ามาตรฐานตรวจกำกับโรงงานอย่างเข้มงวด
- มีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ทั้งในภาวะปกติและเพิ่มความเข้มข้นในภาวะวิกฤต โดยเฉพาะในระดับพื้นที่ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นศูนย์กลางในการบัญชาการระดับจังหวัดและให้ข้อมูลเพื่อลดความตื่นตระหนกของพี่น้องประชาชน
ล่าสุดมติคณะกรรมการอำนวยการจัดการมลพิษทางอากาศ มีมติเดินหน้าขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ปี 2568โดย ที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดการมลพิษทางอากาศ มีมติ ดังนี้
1. ให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติให้เป็นไปตามปฏิทินการปฏิบัติงานภายใต้มาตรการรับมือสถานการณ์ ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568
2. เห็นชอบในหลักการให้หน่วยงานที่มีความจำเป็นเสนอโครงการเพื่อขอรับการจัดสรรงบกลาง ไปยังสำนักงบประมาณเป็นการเร่งด่วนเพื่อให้ทันต่อการดำเนินงานรับมือกับสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 ที่จะเกิดขึ้นในช่วง ม.ค. - พ.ค. 2568
3. แต่งตั้งคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการ 14 กลุ่มป่าเป้าหมาย เพื่อบัญชาการ เฝ้าระวัง ควบคุมไฟป่าและหมอกควันแบบไร้รอยต่อเขตป่าหรือเขตปกครอง และบูรณาการความร่วมมือของชุมชนรอบป่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และทหาร เน้นความปลอดภัย ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย
4. แต่งตั้งคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 กรุงเทพมหานคร
เพื่อแก้ปัญหาในเขตเมือง
5. แต่งตั้งคณะทำงานสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ เพื่อเน้นการสื่อสารประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทาง สร้างความรู้ ความเข้าใจ ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสุขภาพของประชาชน รวมถึงเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวด้วย
ถือเป็นความเคลื่อนไหวในการรับมือ ทั้งนี้ทั้งนั้น เราคาดหวังว่า จะได้เห็นความจริงจังในการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างแท้จริง เพื่อให้ปัญหาฝุ่นบรรเทาเบาบางและหมดไปในที่สุด ในห้วงวาระที่เหลือของรัฐบาลแพทองธาร หากมีผลงานเรื่องฝุ่นพิษที่เป็นรูปธรรมก็เป็นอานิสสงส์อย่างยิ่ง