ดูเหมือนว่า ประเด็นร้อนที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทิ้งท้าย ทิ้งทวนเอาไว้บนเวทีปราศรัย ช่วยหาเสียงศึกเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานี ยังทิ้งเชื้อเอาไว้ให้เกิด แรงกระเพื่อม ตามมา จนถึงวันนี้
หนึ่งใน สาระหลัก ๆ ที่ทักษิณ ปราศรัยเพื่อขอคะแนนพี่น้องชาวอุดรฯที่แห่แหนไปรอฟัง คือการประกาศว่าเลือกตั้งรอบหน้า พรรคเพื่อไทย จะกวาดสส. เข้าสภาฯไม่ต่ำกว่า 200 ที่นั่ง หมายความว่าพรรคเพื่อไทย จะต้องชนะการเลือกตั้ง กลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง เป็นความสำเร็จที่เคยเกิดขึ้นในอดีตของทักษิณ มาแล้ว
สำหรับฝ่ายที่ยืนอยู่ตรงข้ามทักษิณ ย่อมมองว่านี่คือการ ขายฝัน และ ปั่นหุ้นเพื่อไทย ให้ดีดตัวขึ้นมา เพราะด้วยสถานการณ์ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น คือภาพที่ พรรคก้าวไกล คว้าสส. มาเป็นอันดับหนึ่ง ได้ 151 สส. เข้าสภาฯ มาแล้ว ขณะที่พรรคเพื่อไทยเอง ตกอันดับมาเป็นรอง ได้สส. 141 คน ต่ำกว่าเป้าหมาย ในการเลือกตั้งเมื่อ พ.ค. 2566
การประกาศ ของทักษิณ ในฐานะ ผู้ช่วยหาเสียง ให้กับ ศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัคร พรรคเพื่อไทยที่ลงชิงเก้าอี้นายกอบจ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 14 พ.ย.67 ที่ผ่านมา คือการสะท้อนว่าทักษิณ มองไปถึง สนามใหญ่ และบรรดาลูกพรรคเพื่อไทย จะต้องเดินไปให้ธงที่ว่านั้นให้ได้ด้วยหรือไม่
อย่างไรก็ดี การเมืองไทยเปิดพื้นที่ให้กับ พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย อย่างพรรคอนาคตใหม่ มาถึงพรรคก้าวไกล และมาสู่ พรรคประชาชน ในวันนี้คือ โจทย์ยาก ที่ท้าทายพรรคเพื่อไทยอย่างชัดเจน และตอกย้ำว่าสนามการต่อสู้ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยและ ทักษิณ นั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
แต่การประกาศยึดที่นั่งสส.ในสภาฯ ไม่ต่ำกว่า 200 คนนั้น อาจไม่ได้ใช่เรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับ พรรคภูมิใจไทย ที่แม้วันนี้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อันดับสอง แต่เกมที่พรรคภูมิใจไทย เล่นคือการยึดยาวไปถึง สภาสูง จนเป็นที่มาของ สภาสีน้ำเงิน มิหนำซ้ำ ภูมิใจไทยยังมีพื้นที่เลือกตั้ง ในสมรภูมิอื่นให้ได้เข้าไปปักธง มากกว่าพรรคเพื่อไทย
โอกาสในสนามเลือกตั้ง รอบหน้า ยังมีหลายปัจจัย ที่เป็น อุปสรรค ขวางทางของทักษิณ ที่หวังจะผลักดันให้พรรคเพื่อไทย พาสชั้น ชนะเลือกตั้งพรรคเดียว และเหนืออื่นใด การชนะเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด ท้ายที่สุดแล้ว ก็ยังไม่ใช่ คำตอบสุดท้าย ได้อยู่ดี !