ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพล ซึ่งเป็นการ สำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 3 พบว่า น.ส.แพทองธาร เป็นบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 31.35 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ มีความเป็นผู้นำ และมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนอันดับ 2 ร้อยละ 23.50 กลุ่มตัวอย่างระบุว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ และอันดับ 3 ร้อยละ 22.90 ระบุว่าเป็น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ มีแนวคิด และทัศนคติที่ดี
ถัดมาล่าสุด สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลสำรวจ “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนตุลาคม 2567” พบว่า นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 52.81 รองลงมาคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 26.40 ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาท โดดเด่นประจำเดือน คือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 37.80 รองลงมา คือ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ร้อยละ 34.36
ผลโพลที่ออกมานั้น เป็นประโยชน์ต่อนักการเมือง และพรรคการเมือง ในอันที่จะนำผลของโพลไปขยายผล ถ้าดีอยู่แล้วก็สามารถไปบริหารจัดการให้ดียิ่งขึ้น หากยังตกเป็นรองก็จะได้ยิ่งเร่งทำคะแนนเพื่อให้ประชาชนเกิดการเปลี่ยนแปลงในการตัดสินใจ
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า ผลโพลมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของประชาชน ยิ่งในสถานการณ์ที่ตัวเลือกถูกปัดตกเวทีไปแล้ว จะเห็นได้ว่า ในการสำรวจความคิดเห็นของ 2 สำนักโพลนั้น เกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ในฝั่งรัฐบาลก็มีการเปลี่ยนแปลง ตัวนายกรัฐมนตรีพ้นตำแหน่งไปพร้อมคณะรัฐมนตรี จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ในฟากรัฐบาลขาดตัวเลือกคือ นายเศรษฐา ทวีสิน ออกจากกระดานการเมือง
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ในฟากของฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลก็ถูกยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค ขาดตัวเลือกคือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กระทั่งเปลี่ยนมาเป็นพรรคประชาชน
ฉะนั้น ผลโพลที่ออกมา ภายใต้ตัวเลือกที่อยู่บนกระดานการเมืองเวลานี้ ทั้ง น.ส.แพทองธาร และนายณัฐพงษ์ อาจมีนัยสะท้อนผลลัพธ์ของ “นิติสงคราม” อย่างปฏิเสธไม่ได้
แม้จะยังสรุปง่ายและเร็วเกินไป สำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง ด้วยยังมีปัจจัยและตัวแปรอีกมากระหว่างทางนั้น ที่จะชี้ขาดว่าใครจะเป็นฝ่ายมีชัยชนะก็ตาม