ดูเหมือนว่า พรรคเพื่อไทย กำลังเร่งมือทำงานให้ทันกับ เวลา ที่เริ่ม นับถอยหลัง เพราะอย่าลืมว่าอายุรัฐบาลนี้ไม่ใช่เหลืออยู่ที่ 3 ปี หากแต่เหลือเท่ากับอายุและวาระของสภาผู้แทนราษฎร ชุดนี้ต่างหาก นั่นหมายความว่า แพทองธาร ชินวัตร ยังเหลือเวลานั่งทำงานต่อไปอีกราว 2 ปีกับอีก 6 เดือน หากอยู่จนครบเทอมได้จริง !
แต่พบว่ายังมีอีกหลายนโยบายที่พรรคเพื่อไทยยังเดินหน้าไม่ลุล่วง แม้ในประเด็นเรื่องการแก้ปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจ จะลดแรงเสียดทานไปได้ส่วนหนึ่ง ภายหลังจากที่มีการแจกเงินคนละ1 หมื่นบาท ให้กับกลุ่มเปราะบางและผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในเฟสที่ 1 และยังบอกไม่ได้ว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจตามธงที่รัฐบาลตั้งเอาไว้นั้น เกิดขึ้นได้จริงหรือไม่
ขณะเดียวกัน ผู้คนยังรอการแจกเงินในเฟสที่ 2 กันต่อ แม้ในระหว่างนี้ กระทรวงการคลัง ในฐานะด่านหน้า จะต้องแบกรับกับคำถาม และความมั่นใจของพี่น้องประชาชน ว่างานนี้ไม่มีล้ม !
ล่าสุดปัญหาที่กำลัง จ่อคิว รอจังหวะเข้ามาซ้ำ เมื่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดย แสวง บุญมี เลขาฯกกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน 6คำร้อง กรณีร้องให้ยุบพรรคเพื่อไทย และ 6พรรคร่วมรัฐบาลเดิม จากการที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีพฤติการณ์ครอบงำ และยอมให้ทักษิณสั่งการ ในการเคาะเลือก นายกฯคนที่ 31 หลังจากที่ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สอย จนต้องพ้นจากตำแหน่ง
ในมุมของฝ่ายตรงข้ามกับอดีตนายกฯทักษิณ เชื่อว่านี่คือ สัญญาณอันตราย ที่อาจนำไปสู่การ เซ็ทซีโร่ คือยุบทั้งพรรคเพื่อไทย พ่วงด้วยอีก 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม แต่สำหรับ ฝ่ายกฎหมาย ในพรรคเพื่อไทยเอง แม้จะหวั่นวิตกจากคำร้องดังกล่าวอยู่บ้าง แต่อีกส่วนหนึ่ง ยังประเมินว่าการถูกยุบพรรค คงยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้
แต่การที่กกต.เองต้อง ขยับ ให้สอดรับคลื่นลมทางการเมือง จากฝั่งตรงข้ามอดีตนายกฯทักษิณ นั้นเพื่อกกต.เองจะไม่ต้องเป็นฝ่าย ถูกกดดัน เสียเอง อีกทั้งยังประเมินว่า เพราะลึกๆแล้ว บุคคลนิรนาม ที่มีอิทธิพลต่อองค์กรอิสระ ต้องการให้มีการเดินหมากบนกระดานบ้าง
สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย ยามนี้เมื่อนายกฯอิ๊งค์ ปฏิบัติหน้าที่ได้เพียง 2เดือนจึงมิใช่หนทางที่ราบเรียบ เพราะ ศัตรูของพ่อ ยังยืนเรียงรายอยู่ตามข้างทาง ผ่านทั้งเกมใต้ดินและบนดิน !