เสือตัวที่ 6
กรณีเหตุการณ์สลายการชุมนุมและมีการจับกุมผู้ประท้วงจำนวนมาก เหตุเกิดบริเวณหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อ 25 ต.ค. 2547 และเหตุการณ์ต่อเนื่อง เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 78 คน นับเป็นเวลาร่วม 20 ปีมาแล้วที่กรณีมีผู้ชุมนุมประท้วงต้องเสียชีวิตจำนวนมากจากการขนย้ายผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมขึ้นรถบรรทุกของทางราชการ จนเป็นเงื่อนไขที่จับต้องได้ในการปลุกระดมบ่มเพาะความเกลียดชังให้เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ปลายด้ามขวานของรัฐอย่างได้ผลต่อเนื่องยาวนาน นับเป็นบาดแผลทางใจของพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ที่ยากจะลืมเลือนซึ่งเพิ่มเติมความบาดหมางทางใจให้รุนแรงร้าวลึกเข้าไปถึงก้นบึงของหัวใจให้บังเกิดกับคนรุ่นแล้วรุ่นเล่าจากการตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกของกลุ่มคนในขบวนการแบ่งแยกผู้คนให้เห็นต่างจากการปกครองจากรัฐ ความเข้มข้นของการเกลียดชังถูกถ่ายทอดออกมาหลากหลายรูปแบบ ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวตากใบในครั้งนั้นในสถานศึกษาทุกประเภท ผ่านคนวัยทำงานในชุมชน ตลอดจนสื่อสาธารณะไปยังผู้คนในวงกว้าง รวมทั้งการขับเคลื่อนเรื่องราวอันลสดหดหู่และความไม่เป็นธรรมผ่านการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมอย่างได้ผล จนกระทั่งล่าสุดเมื่อ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา สำนักงานอัยการสูงสุด แถลงสั่งฟ้อง 8 ผู้ต้องหาคดีขนย้ายกลุ่มผู้ชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ไปค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี จนเป็นเหตุมีผู้เสียชีวิต 78 คน เพราะขาดอากาศหายใจ โดยมี พล.อ.เฉลิมชัย อดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ตกเป็นหนึ่งในการเป็นจำเลยร่วมกับ พล.อ.พิศาล อดีตแม่ทัพภาค 4 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นและข้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีตากใบ
คดีตากใบที่ใกล้ครบอายุความคดีอาญา 20 ปี ซึ่งทั้ง 2 คดีมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นจำเลยและผู้ต้องหารวม 14 คน โดยคดีแรก เป็นการฟ้องโดยประชาชนซึ่งศาลประทับรับฟ้องแล้ว แต่ต้องเลื่อนวันนัดสอบคำให้การครั้งแรก เนื่องจากจำเลยทั้งหมด 7 คนไม่ปรากฏตัวที่ศาล อีกคดี อสส. เพิ่งมีคำสั่งฟ้องและได้แจ้งให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติติดตามตัวผู้ต้องหารวม 8 คนมาส่งอัยการ เพื่อให้อัยการทำสำนวนฟ้องพร้อมตัวผู้ต้องหาส่งศาล สำหรับ พล.อ.พิศาล อดีตแม่ทัพภาค 4 จำเลยที่ 1 ซึ่งปัจจุบันเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยนั้น แม้ได้รับความคุ้มกันตามรัฐธรรมนูญด้วยอยู่ในสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่กระนั้น ล่าสุดศาลอนุมัติออกหมายจับ พล.อ.พิศาล อดีตแม่ทัพภาค 4 จำเลยที่ 1 แล้ว อย่างไรก็ตามคดีตากใบนี้จะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค. นี้ ซึ่งยังไม่มีการนำตัวจำเลยทั้งหมดมาขึ้นศาล ทำให้เหตุดังกล่าวคงเป็นแรงกระตุ้นให้เงื่อนไขการเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐโดยไม่เป็นธรรมดังกล่าวนั้น ยังคงเป็นประวัติศาสตร์เชิงบาดแผลในยุคปัจจุบันที่ถูกขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐใช้เป็นเงื่อนไขในการต่อสู้กับรัฐที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความพยายามในการแก้ปัญหาเพื่อเอาชนะขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐในพื้นที่ปลายด้ามขวานอยู่ต่อไปอย่างเห็นได้ชัด
ข้อหาร้ายแรงที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกลุ่มนี้ได้รับจากคดีตากใบก็คือ ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และหน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายดังกล่าวนั้น นอกจากผลกระทบต่อฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติตามหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายตลอดจนการควบคุมสถานการณ์ที่อาจลุกลามบานปลายจนยากจะควบคุมไว้ได้จากการรวมตัวประท้วงของผู้คนจำนวนมากบริเวณหน้า สภ.ตากใบในครั้งนั้น ที่ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ในเวลานี้ต่างรู้สึกไม่มั่นใจในการต่อสู้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนกลุ่มนี้เท่าที่ควร ด้วยอาจตกเป็นเหยื่อทางกฎหมายที่ไม่ได้ให้การคุ้มครองจากรัฐเท่าที่ควร เพราะขาดเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงชั้นแม่ทัพภาค ยังได้รับผลกระทบตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่แม้การกระทำดังกล่าวเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ได้มีเจตนาในการทำให้ผู้ใดเสียชีวิต และแม้กาลเวลาจะล่วงเลยมาเป็นเวลาร่วม 20 ปีแล้วก็ตาม จึงย่อมเป็นบทเรียนอันเจ็บปวดของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อการต่อสู้กับกลุ่มคนต่อต้านรัฐ ด้วยเป็นการทำลายขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างรุนแรง
และแน่นอนว่าการดำเนินไปตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความถูกผิดของทั้งสองฝ่ายนั้น แม้ว่าเป็นสิ่งที่ควรดำเนินไปตามครรลองของกฎหมาย หากแต่การดำเนินการนั้นกลับเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายเห็นต่างจากรัฐอย่างเห็นได้ชัด การตอกย้ำให้เห็นถึงการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐตลอดจนการไม่มาแสดงตัวของเจ้าหน้าที่รัฐผู้ถูกกล่าวหาซึ่งใกล้จะหมดอายุความจนกระทั่งมีการออกหมายจับจากศาล ส่งผลให้แกนนำขบวนการร้ายแห่งนี้นำมาใช้เป็นเงื่อนไขในการเกลียดชังและต่อต้านรัฐอย่างได้ผล เหตุการ์ก่อการร้ายเมื่อ วันที่ 29 ก.ย. ที่กองกำลังติดอาวุธของขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐได้ปฏิบัติการคาร์บอมบ์หน้าบ้านพักนายอำเภอตากใบ จ.นราธิวาส จนทำให้บ้านพักนายอำเภอและบ้านที่อยู่ใกล้เคียงถูกแรงระเบิดเสียหายหลายหลัง มีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 คน โดยคนร้านได้ปล้นรถของ น.ส.มาเรียม แล้วมาประกอบระเบิดได้อย่างรวดเร็วอย่างมืออาชีพภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แล้วนำมาก่อเหตุ คาร์บอมบริเวณดังกล่าว เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าปรากฎการณ์ของคดีตากใบ ยังคงถูกใช้เป็นประวัติศาสตร์เชิงบาดแผลที่ตามหลอกหลอนผู้คนเพื่อการปลุกระดมการต่อสู้กับรัฐในวงกว้าง
จึงแสดงให้เห็นว่า เหตุการณ์หน้า สภ.ตากใบเมื่อปี 2547 แม้กาลเวลาจะล่วงเลยมาร่วม 20 ปี หากแต่ยังคงถูกใช้เป็นเงื่อนไขในการร่วมขบวนการต่อสู้กับรัฐอย่างเป็นผลต่อเนื่อง เป็นเงื่อนไขที่ใช้สร้างความเกลียดชังจากรุ่นสู่รุ่นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนบาดลึกไปถึงก้นบึ้งของหัวใจมวลชนคนในพื้นที่อย่างยากที่จะแก้ไข ทั้งยังเป็นการทำลายพลังในการสู้รบฝ่ายรัฐที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อในคดีอาญาเฉกเช่นข้าราชการทหารระดับสูงในอดีต และแม้อดีตข้าราชการระดับสูงดังกล่าวจถูกดำเนินการตามกฎหมาย หากแต่คดีตากใบก็ยังถูกใช้เป็นเงื่อนไขก่อความไม่สงบอยู่ต่อไป ด้วยเป็นเงื่อนไขที่ไม่มีวันตายอย่างแน่นอน