มาตามนัด โดยไม่ต้องลุ้น ! เมื่อ ธีรยุทธ สุวรรณเกสร ทนายความอิสระ เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย ด้วยข้อหาฉกาจฉกรรจ์ แถมยังลามไปถึงตัว ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทย 

 10 ตุลาคม 67 ที่ผ่านมา ธีรยุทธ ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยสั่งให้ ทักษิณ  และพรรคเพื่อไทย เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพ นำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49

 ในคำร้องฉบับเต็มที่ธีรยุทธ นำมาร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ  มีด้วยกัน 6 พฤติการณ์ ของทักษิณและพรรคเพื่อไทย ล้วนเข้าข่าย เซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยมีคำวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานไว้ในหลายคำวินิจฉัย  โดยเฉพาะคำวินิจฉัยสั่งให้พรรคก้าวไกลยุติการกระทำและยุบพรรคก้าวไกล
  
 ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุความเสียหายร้ายแรงกับสถาบันพระมหากษัตริย์หรือทำให้เรื่องดังกล่าวลุกลามขยายใหญ่ จนเป็นมหันตภัยที่ไม่อาจต้านทานได้ 
 
โดยทั้ง6พฤติการณ์ประกอบด้วย 1.หลังทักษิณ ได้รับพระราชทานอภัยโทษให้เหลือโทษจำคุก 1 ปี  แต่ทักษิณ ใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือในการสั่งรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ไม่ต้องรับโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว โดยไปพักอยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
 
2.ทักษิณ มีพฤติกรรมฝักใฝ่คบหาร่วมคิดกับสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา และควบคุมการบริหารของรัฐบาลผ่านพรรคเพื่อไทย โดยการเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเล ในเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทยกัมพูชาในลักษณะเอื้อประโยชน์ 3. ทักษิณ สั่งให้พรรคเพื่อไทย ร่วมมือกับพรรคประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ
 
 4. ทักษิณ มีพฤติกรรมเป็นเจ้าของครอบครองครอบงำเป็นผู้สั่งการแทนพรรคเพื่อไทยในการเจรจากับพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล เพื่อเสนอบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2567 ที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า 5. ทักษิณ มีพฤติกรรมเป็นเจ้าของครอบงำและสั่งการให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทยยินยอมตามที่สั่ง
 
 และ6. ทักษิณ มีพฤติการณ์เป็นผู้ครอบงำและสั่งการให้พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนำนโยบายที่นายทักษิณได้แสดงวิสัยทัศน์ไว้เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2567 ไปเป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาในวันที่ 12 ก.ย.2567

 ข้อกล่าวในคำร้องของธีรยุทธ เมื่อเกี่ยวพันทั้งต่อตัวทักษิณ ,พรรคเพื่อไทย และมีผลต่อการเมือง โดยเฉพาะการตั้งรัฐบาล มาถึงการเปลี่ยนตัวนายกฯ  โดยที่พรรคพลังประชารัฐ ที่วันนี้ได้กลายเป็น ศัตรู ทางการเมืองกันไปแล้ว คือฝ่ายเสียหาย จึงไม่น่าแปลกใจที่ความเคลื่อนไหวของทนายความอิสระ ผู้นี้จะถูกมองว่าเชื่อมโยงกับ พรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะ ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ 
 
แต่อย่างไรก็ตาม คำร้องจาก มือยุบก้าวไกล อย่างธีรยุทธ จะได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกลมาแล้วหรือไม่ คาดว่าต้องเวลาอีกพักใหญ่ เมื่อเข้าสู่กระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ
 
 ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือการ เอาคืน ในระดับ ภาคพื้น เมื่อพรรคเพื่อไทย เตรียมส่ง เด็จพี่ พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ออกมารับมือ ด้วยกลยุทธ์ เกลือจิ้มเกลือ แฉกลับถึงที่มาที่ไปของทนายความอิสระ รายนี้ ว่า ใครอยู่เบื้องหลัง และมีท่อน้ำเลี้ยง มีต้นทางมาจากไหน !?