การเมืองไทย อะไรก็เกิดขึ้นได้ จาก ศัตรู แปรเปลี่ยนเป็น มิตร ได้ฉันท์ใด จาก มิตร ย่อมพลิกผันไปสู่ ฝ่ายตรงข้าม ได้ฉันท์นั้น !
ภายหลังจากที่ แพทองธาร ชินวัตร เข้ารับตำแหน่ง และทำหน้าที่ นายกฯคนที่ 31 กินเวลายังไม่ถึง 3 เดือน แต่ดูเหมือนว่าพายุการเมืองกำลังโถมเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ทั้งการวิพากษ์วิจารณ์ เย้ยว่าไม่ต่างจาก นายกฯฝึกหัด ในวัย 38 ปี หรือการสืบทอดอำนาจจาก พ่อ มาสู่เธอผู้เป็น ลูก หรือแม้แต่การจับจ้องท่าที และการดำเนินบทบาท ผู้นำ บนเวทีนานาชาติ ครั้งล่าสุดที่กรุงโดฮาร์
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ปรากฎชัดเจนคือปัญหาการรับมือ ในแง่ของ ทีมตอบโต้ ที่ต้องทำหน้าที่ ชี้แจง ให้ทันท่วงที และรอบด้าน เมื่อนายกฯแพทองธาร ต้องเจอกับแรงเสียดทาน แต่ดูเหมือนว่า ตลอดห้วงเวลากว่า 1เดือนที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่รัฐบาลเพื่อไทย จะไม่สามารถ เซ็ท ทีมกฎหมาย ขึ้นมาสู้กับ นักร้อง ที่ยื่นสารพัดคำร้องได้เท่านั้น
ยังกลายเป็นว่า แนวรบด้านการประชาสัมพันธ์ กลับ ถดถอย เป็นฝ่าย ตั้งรับ มากกว่า รุก จนทำให้ ตัวนายกฯแพทองธาร ต้องออกมาตอบโต้ด้วยตัวเอง ผ่านโซเชียล จนทำให้ถูกถล่มกลับจากกรณีการใช้ไอแพดบนเวทีระดับผู้นำนานาชาติ
ล่าสุด นายกฯแพทองธาร มีคำสั่งแต่งตั้ง เต้น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ที่เคยขึ้นเวทีนปช.ร่วมกับ ตู่ จตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งบัดนี้ได้ประกาศตัวยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม นายเก่า อย่างทักษิณ คำสั่งนายกฯแต่งตั้งให้ณัฐวุฒิ นั่งในเก้าอี้ ที่ปรึกษาของนายกฯ ซึ่งเป็นตำแหน่งการเล่นที่มีขึ้นเพื่อโต้กลับ และรับมือกับจตุพร อย่าง รู้ทัน และ รู้ทาง เพราะเคยทำงานมวลชนด้วยกันมาก่อน
แม้แกนนำในพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลจะปฏิเสธว่า การที่นายกฯแพทองธาร ตั้งณัฐวุฒิ ครั้งนี้เพื่อมาช่วยเรื่องการสื่อสารก็ตามที ทว่าในความเป็นจริงแล้วต้องยอมรับว่า วันนี้ แนวรบ จากศัตรูเก่า และศัตรูใหม่ ต่างพากัน ขยับ และพร้อมที่จะ จับมือกัน ได้ทุกเมื่อ
การมาของณัฐวุฒิในฐานะที่ปรึกษานายกฯ แพทองธาร นั้นคือการส่ง ลูกน้อง ของทักษิณ เพื่อมาช่วย ลูกสาว และเหนืออื่นใดไปมากกว่านั้น คือหาก บ้านจันทร์ส่องหล้า ยังคงปล่อยให้ ตู่ จตุพร มีพื้นที่สื่อ ทั้งสื่อหลักและช่องทางของตนเอง ชี้เป้า เปิดประเด็นใหม่ๆ เขย่า นายกฯอิ๊งค์ จนลุกลามไปถึงตัวทักษิณ ล้วนไม่เป็นการดีทั้งสิ้น !