หลังจากแจกเงิน 10,000 บาท เฟสแรกเป็นเงินสด ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจกลุ่มเปราะบางผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ยังไม่ทราบผลการประเมินโครงการว่า ได้สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกใหญ่ลูกแรกให้คนไทยตามเป้าประสงค์ของ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร มากน้อยแค่ไหน

ทว่ามีการเชื่อมโยงประเด็นเรื่องคะแนนนิยมจากผลสำรวจของนิด้าโพล กับโครงการแจกเงิน 10,000 บาทว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยยะ ด้วยผลสำรวจนิด้าโพลรายไตรมาสล่าสุด พบว่าคะแนนนิยมของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่พุ่งขึ้นเป็นอันดับ 1 เหนือหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค

ทว่าล่าสุดในการสำรวจของสำนักโพลเดียวกัน คือนิด้าโพล เรื่อง “รับเงินสด 10,000 บาท แล้วจะสนับสนุนรัฐบาลไหม”

ในข้อถามที่ว่า การสนับสนุนรัฐบาลของผู้ที่ได้รับเงิน 10,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นตนเอง และ/หรือ คนในครอบครัวได้รับผลประโยชน์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 34.35 ระบุว่า ยังไม่แน่ใจว่าจะตัดสินใจอย่างไร รองลงมา ร้อยละ 30.31 ระบุว่า มีส่วนทำให้สนับสนุนรัฐบาล ร้อยละ 20.38 ระบุว่า จะมีหรือไม่มีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ก็สนับสนุนรัฐบาลอยู่แล้ว ร้อยละ 13.13 ระบุว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สนับสนุนรัฐบาล และร้อยละ 1.83 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่แน่ใจ ว่าจะสนับสนุนรัฐบาลหรือไม่  นัยหนึ่งย่อมเป็นโอกาสดีของฝ่ายค้าน ที่เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่นั้น ไม่ได้ตัดสินใจยังมีจำนวนมาก

กระนั้น การบ้านข้อใหญ่ของฝ่ายค้าน อยู่ที่ผลสำรวจยังพบว่า  ร้อยละ 30.31 ยอมรับว่ามีส่วนทำให้สนับสนุนรัฐบาล ในขณะที่ร้อยละ 20.38 ระบุว่า จะมีหรือไม่มีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ก็สนับสนุนรัฐบาลอยู่แล้ว มีเพียงร้อยละร้อยละ 13.13 ระบุว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สนับสนุนรัฐบาล

ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ต้องตีเหล็กตอนร้อน ดันนโยบายออกมากระตุ้นเศรษฐกิจต่อยอดเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นเงิน 10,000 บาทเฟส 2 ที่ยังอยู่ในความสนใจและเฝ้ารอของประชาชน และมาตรการอื่นๆ ที่ต้องเร่งให้ทันเวลา กับกระบวนการนิติสงคราม ที่ข้อร้องเรียนต่างๆ ที่อาจทำให้เวลาของรัฐบาลในการอยู่บริหารประเทศสั้นลง