บริบททางการเมืองเวลานี้ ดูจะ เอื้อ ต่อการเดินหน้าบริหารประเทศให้กับ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ไม่น้อย ยิ่งเมื่อการแจกเงินหมื่น ให้กับคนกลุ่มแรก 14.5 ล้านคน เพิ่งผ่านไปพ้น จนมีการวิเคราะห์ว่านี่คือ ปัจจัย ส่วนสำคัญ ส่วนหนึ่งที่ทำให้ คะแนนนิยม ของรัฐบาลเพื่อไทย และตัวนายกฯอิ๊งค์ พุ่งขึ้นผ่านสำนักโพล 
 ล่าสุด สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยแพร่การสำรวจความคิดเห็นประชาชนเฉพาะผู้ที่ได้รับเงิน 10,000 บาทจากรัฐบาล เรื่อง ความคิดเห็นต่อนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท เมื่อวันที่ 6 ต.ค.67ที่ผ่านมา สะท้อนว่า ประชาชนคิดว่านโยบายนี้ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินได้มาก เป็นอันดับหนึ่ง ถึง 57.75%  นอกจากนี้ ประชาชนถึง 53.61% คิดว่านโยบายนี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศได้ รวมทั้ง ประชาชน ค่อนข้างเชื่อมั่น ถึง 50.65 % ว่านโยบายนี้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล
 

ความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลและนายกฯแพทองธาร กำลังอยู่ในช่วงของการสะสมแต้ม  พร้อมๆกันนี้ ในทางการเมืองแล้ว ยังพบว่า ภายหลังจากที่ พรรคก้าวไกล ถูกยุบพรรค เมื่อวันที่ 14 ก.ย.67 ที่ผ่านมา และมาสู่การเปลี่ยน หัวหน้าพรรคคนใหม่ ทำหน้าที่รับไม้ต่อจาก พรรคก้าวไกล คือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ  แต่กลายเป็นว่า  กระแสความนิยม ของพรรคสีส้ม โดยการนำของ ณัฐพงษ์ ยังไม่เข้าตากรรมการ  และแน่นอนว่าจะกลายเป็น ปัญหาใหญ่ ของพรรคสีส้ม เมื่อฤดูกาลเลือกตั้งนัดสำคัญ ๆมาถึง 
 เท่ากับว่าวันนี้พรรคเพื่อไทย และนายกฯ แพทองธาร ไม่มี คู่ต่อสู้ ที่แข็งแกร่งมากพออีกต่อไป เมื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่อยู่บนเวทีการเมืองไปอีกเกือบ 10ปี  

 ทว่าโจทย์ใหญ่สำหรับพรรคเพื่อไทย และนายกฯแพทองธาร จากนี้ไปคือการรับมือกับนิติสงคราม จากสารพัดคำร้องที่พุ่งตรงมาเขย่าทั้งตัวนายกฯอิ๊งค์ และอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ซึ่งไม่สามารถใช้ เสียงในสภาฯ ตอบโต้ หรือรับมือได้ 


 คำร้องกรณีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ซึ่งมีนายกฯแพทองธาร เข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรง กำลังถูกจับตาว่านี่คือ จุดตาย ที่กำลังไปดักรอเธออยู่ในปีหน้า ส่วนการเคลื่อนไหวตระเตรียมจัดทัพ เพื่อ จัดม็อบ จาก จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ที่เพิ่งประกาศท่าที กันไปเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น คือการ เลี้ยงกระแส  เพื่อหวังไปรอผลจากคำวินิจฉัยคำร้องอันตราย จากองค์กรอิสระที่กำลังจะเกิดขึ้นวันข้างหน้า ไปพลางก่อน แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ต้องยอมรับว่าสิ่งเหล่านี้ ก่อกวน และทำลายสมาธิของนายกฯแพทองธาร ให้ต้องหวั่นไหว ไม่น้อย !