ทองเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำในระยะยาว โดยเฉพาะช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ จึงเป็นที่นิยมและตลาดเติบโตมากในปัจจุบันสำหรับประเทศไทย
กระนั้น ก็มีกรณีร้านทองชื่อดังในโลกออนไลน์ ของสองสามีภรรยาที่ไลฟ์ขายทองเป็นคดีดังคึกโครมในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มต้นเกิดจากมีผู้ใช้ติ๊กต็อกทำเนื้อหาเกี่ยวการซื้อดอกกุหลาบทองคำ และจี้ไอ้ไข่ทองคำ และลูกประคำทองคำ มาจากร้านขายทองออนไลน์ชื่อดัง และหวังว่าจะนำมาขายต่อ แต่เมื่อไปถึงร้านทอง ปรากฏว่าทางร้านไม่รับซื้อ เพราะทองไม่มียี่ห้อ ไม่ได้เปอร์เซ็นต์ และไม่มีใบรับรอง
หลังจากคลิปถูกเผยแพร่ไป กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า ทำให้มีผู้เสียหายไปร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการ ขณะที่บางส่วนได้นำทองไปขายคืน
ล่าสุดสองสามีภรรยาถูกออกมาหยจับและควบคุมตัวสอบปากคำ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค, ร่วมกันเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากคดีดังกล่าว เป็นอุทาหรณ์สอนใจของทั้งนักลงทุนและผู้เสพสื่อโซเชียล ในการตั ด สินใจซื้อทองออนไลน์ ให้ปลอดภัย จะต้องเลือกซื้อทองออนไลน์อย่างไร ให้ปลอดภัยจะต้องเลือกร้านที่มีชื่อเสียงมานาน เนื่องจากร้านทองชั้นนำจะมีหน้าร้านที่ติดต่อได้ชัดเจน และจดทะเบียนซื้อขายถูกต้อง เลือกร้านทองที่เป็นสมาชิกสมาคมค้าทองคำ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อร้านได้ที่เว็บไซต์ www.goldtraders.or.th เลือกใช้แพลตฟอร์มที่ให้บริการโดยบริษัทหรือผู้ประกอบการที่น่าเชื่อถือ ระวังเพจปลอมแอบอ้างร้านค้าที่มีชื่อเสียง การซื้อขายทองทางร้านต้องให้ใบรับประกับ เพื่อยืนยันความถูกต้องหรือเป็นหลักฐาน และราคาทองต้องไม่ถูกจนเกินจริง หลีกเลี่ยงการโอนเงินเข้าบัญชีบุคคล บัญชีปลายทางควรเป็นชื่อบริษัท หรือนิติบุคคลที่จดทะเบียน นอกจากนี้ เลือกร้านที่มีรีวิวไปในทิศทางที่ดี อ่านรีวิวของลูกค้าท่านอื่นว่าร้านส่งสินค้าจริงไหม และได้คุณภาพตรงตามที่โฆษณาหรือไม่
ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยต่อทรัพย์สิน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ไม่ให้เสียเงินไปอย่างไม่คุ้มค่า คุ้มราคา หรือได้ทองทิพย์