รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์
ที่ปรึกษาสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
เมื่อเร็ว ๆ นี้ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต รายงานผลการสำรวจดัชนีการเมืองไทย ครั้งที่ 9 ประจำเดือนกันยายน 2567 ซึ่งสำรวจทางออนไลน์และภาคสนามจากกลุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศ 2,183 คน ระหว่างวันที่ 23-27 ก.ย. ผ่านตัวชี้วัด 25 ประเด็น ปรากฏว่าผลงานรัฐบาลนายกฯอิ๊งค์ (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) เข้าตาประชาชนดันภาพรวมคะแนนดัชนีการเมืองไทยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4.80 คะแนน จากเดือนสิงหาคม 4.46 คะแนน โดยมีคะแนนเต็ม 10 คะแนน ซึ่งทุกตัวชี้วัดมีคะแนนขยับสูงขึ้นบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเมืองไทยในทุกด้าน
คะแนนดัชนีการเมืองไทยรอบนี้มีคะแนนขยับขึ้น 0.34 คะแนน แม้จะเป็นคะแนนที่ไม่ได้มากมายอะไรเมื่อพิจารณาด้วยสายตา
แต่ตัวเลขนี้กลับมีนัยสำคัญยิ่งนักและส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยาค่อนข้างสูงทีเดียวโดยเฉพาะภาคการเงินการลงทุน (เศรษฐกิจ) ดังจะเห็นได้จากเพียง 2 สัปดาห์หลังการก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยที่มีจุดต่ำสุด 1279.34 ก่อนวันโหวตนายกฯ ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่ 1370.67 จุด โดยหากคิดเป็นตัวเลขกลม ๆ ก็อยู่ที่ประมาณ 90 จุด (อ่านเพิ่มเติมที่ https://www.thansettakij.com/columnist/speak-every-district/605752) นอกจากนี้ กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ซึ่งมีกำหนดนำเงินเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันที่ 1 ต.ค. ก่อนที่จะนำหน่วยลงทุน (ประเภท ก.) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ก็คาดว่าจะส่งผลและหนุนให้หุ้นไทยไตรมาสที่ 4/67 กลับมาคึกคักหลังดัชนีตลาดฯเคยต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี หลังโควิด-19 (อ่านเพิ่มเติมที่ https://www.kaohoon.com/news/701895 และ https://www.matichon.co.th/economy/news_4620171)
ขณะที่ช่วงเวลาการสำรวจความคิดเห็นดัชนีการเมืองไทยก็เป็นเวลาคาบเกี่ยวของการคิกออฟโอนเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ (โครงการฯ) ซึ่งกระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางเริ่มโอนเงินให้กลุ่มเป้าหมาย 10,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2567 เป็นต้นมา สำหรับยอดเงินโอนล่าสุด ณ วันที่ 1 ตุลคม 2567 คิดเป็นมูลค่า 141,000 ล้านบาท โดยเบื้องต้นคาดว่าจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ ร้อยละ 3.35 ซึ่งสอดคล้องกับที่รัฐบาลต้องการให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็วเพราะว่าหากขืนรอต่อไปอีก 3 เดือน อาจจะส่งผลกระทบเชิงลบ (อ่านเพิ่มเติมที่ https://thainews.prd.go.th/thainews/news/view/606844/?bid=2)
การขึ้นมามีอำนาจของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เจ้าของสโลแกน “คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” ด้วยการประเดิมนโยบายแจกเงินหมื่น แม้ว่าจะไม่ใช่เงินดิจิทัล ก็นับว่าเป็นผลงานที่เชื่อมโยงกับการหาเสียงช่วงก่อนการเลือกตั้งและนโยบายของรัฐบาลที่ประกาศไว้ เมื่อพิจารณาแล้วนายกฯอิ๊งค์ก็อายุยังน้อย 38 ปีเท่านั้น มีเวลาฝากผลงานอีกยาวนานให้กับประชาชนและประเทศไทย ถ้าทำดีและทำเพื่อคนไทยทุกคนก็จะกลับมาได้อีกแน่นอน สอดคล้องกับนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษานายกฯ 1 ใน 5 คน ที่กล่าวว่า รัฐบาลเหลือเวลาอีกเพียงสองปีเศษในการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร จึงต้องการทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้คนไทยหลุดพ้นจากความยากจน
ล่าสุดรัฐบาลนายกฯอิ๊งค์ยังเรียกคะแนนนิยมให้ไต่ระดับสูงขึ้นอีก โดยการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่มอย่างเร่งด่วน อาทิ เร่งรัดต่อไฟเข้าบ้านเรือนประชาชน เพิ่มเติมยารักษาโรคน้ำกัดเท้า และอีเอ็มบอล อัปเดตสถานการณ์อย่างใกล้ชิดวันละ 2 ช่วงเวลา เคาะงบเยียวยาผู้ประสบภัยครัวเรือนละ 9,000 บาท ซึ่งจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อีกครั้ง รวมถึงการปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินงานโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนให้แก่สถาบันการเงินเพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SME รายย่อย และอาชีพอิสระ ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท
ยิ่งกว่านั้น รัฐบาลนายกฯอิ๊งค์ก็ยืนกรานว่าจะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยและยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าได้ เป็นรัฐธรรมนูญที่วางกรอบการทำงานของนักการเมือง และเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง (อ่านเพิ่มเติมที่ https://www.matichon.co.th/politics/news_4817677) นอกจากนี้ ยังมีผลงานอื่น ๆ ตามนโยบายที่เคยแถลงไว้ก็กำลังจะทยอยให้เห็นผลที่ล้วนมีผลต่อความน่าเชื่อถือและคะแนนนิยมทั้งสิ้น เช่น การพักหนี้เกษตรกร 3 ปี การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน การขยายโครงการ ‘30 บาทรักษาทุกที่’ ให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ การผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม การยกระดับหนังสือเดินทางไทย
การดึงเงินลงทุนโดยตรงของบริษัทต่างชาติ การผลักดันร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด
ไม่แปลกใจที่ภาพรวมคะแนนดัชนีการเมืองไทย ครั้งที่ 9 ประจำเดือนกันยายน 2567 จะมีคะแนนดีดขึ้น เพราะผลงานที่เกิดขึ้นเป็นตัวดึงคะแนน สะท้อนว่าผลงานรัฐบาลเป็นที่ถูกใจประชาชนคนไทยเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าจะมีหลายคนท้วงติงว่าผลงานต่าง ๆ เป็นอานิสงส์หรือการปูทางไว้แล้วของอดีตนายกฯเศรษฐา ต่อจากนี้ไปนายกฯอิ๊งค์คงต้องเร่งเป็นตัวจริง “ไม่ใช่เงา” ของใคร พร้อม ๆ กับเร่งสร้างผลงานตนเอง... “หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์(ผลงาน)คน” ครับ!!!